แนะ ส.อ.ท. เจาะตลาด GCC ปั๊มยอดส่งออกปี’65 ทะลุ 9%

ส่งออก

จุรินทร์-ส.อ.ท. เร่งศึกษา FTA ไทย-GCC กับ 6 ประเทศกลุ่มอาหรับ คาดกลางปี’66 ผลศึกษาชัด พร้อมจับมือ 5 อุตสาหกรรม อาหาร ก่อสร้าง เหล็ก ปิโตรเคมี ยานยนต์ ขยายไปซาอุดีอาระเบีย ช่วยดันส่งออกปี’65 แตะ 9% ชี้ไทยต้องหาตลาดใหญ่ ลงลึก Mini FTA

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภายใต้ คณะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน หรือ กรอ.พาณิชย์ ว่าแนวโน้มการส่งออกของประเทศไทยปี 2565 คาดว่ายังเป็นตัวเลขที่ยังเติบโตได้อาจถึง 9% ส่วนหนึ่งมาจากการพาเอกชนไทยขยายตลาดการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศใหม่ ๆ เช่น 6 ประเทศในกลุ่มอาหรับ โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะเป็นประตูสู่ตะวันออกกลาง

ดังนั้น หนึ่งในการประชุมจึงเร่งศึกษา FTA ไทยกับกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ หรือ GCC ประกอบด้วย 6 ประเทศ คือ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (FTA ไทย-GCC) รวมถึงเร่งให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-ซาอุฯ (Joint Trade Committee : JTC) ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้กลางปี 2566 ทั้งนี้ จะเน้นการทำ Mini FTA หรือ FTA ที่เป็นระดับมณฑล เมือง รัฐ ลงลึกมากขึ้น ที่ไม่ใช่เพียง FTA ระดับประเทศเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังได้จัดทำคลินิกส่งเสริมการส่งออก (Export Clinic) ไปตลาดซาอุฯ เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรค รวมถึงให้คำปรึกษา ด้านกฎระเบียบ มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี สินค้าที่ต้องการของซาอุฯ บริการ ระบบการขนส่งและการจัดตั้งสายด่วน 2.จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในซาอุฯ

โดยสนับสนุนนำสินค้าไทยร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญ 5 งาน เช่น Top Thai Brand และ Business Matching จัดการประชุม Webinar ส่งเสริมการค้าการลงทุนในสาขาสำคัญ เช่น ปิโตรเคมี การก่อสร้าง เหล็ก อะลูมิเนียม อาหาร การเกษตร ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและส่งเสริมการส่งออก

รวมถึงการแก้ไขอุปสรรคด้านต่าง ๆ เช่น ให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. ) ซาอุดีอาระเบีย (SFDA) เดินทางมาตรวจโรงงานผลิตและส่งออกไก่แช่เย็น-แช่แข็ง อนาคตหวังว่าจะสามารถเปิดตลาดไก่ต้มสุกต่อไป ซึ่งไก่ต้มสุกจะมีมูลค่าการตลาดมหาศาล รวมถึงปัญหาการขอวีซ่า ล่าสุดการขอวีซ่าของนักธุรกิจไทยไปซาอุฯ สามารถให้สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือกลไกภาคเอกชนอื่นที่กฎหมายรับรองจากรัฐบาลไทย ออกหนังสือรับรองให้ยื่นขอวีซ่าได้

“นอกจากเราขายอาหารที่เป็นที่ต้องการคืออาหารฮาลาล ให้กับซาอุฯและกลุ่มประเทศตะวันออกกลางแล้ว ต้นไม้จะเป็นอีกสินค้าทำเงินให้ประเทศหรือสร้างเงินให้ประเทศต่อไปในอนาคต จะได้มีการหารือกับกระทรวงเกษตรฯและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป”

ทั้งนี้ หลังจากนำคณะนักธุรกิจไทยเยือนซาอุดีอาระเบีย เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สามารถทำสัญญาซื้อขายสินค้าไทยได้ทันทีถึง 3,500 ล้านบาท และเมื่อจัดตั้งสภาธุรกิจไทยซาอุดีอาระเบีย ตั้งเป้าภายใน 1 ปี จะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 10,000 ล้านบาท

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียมีแผนที่จะสร้างเมืองใหม่ โดยเปลี่ยนจากทะเลทรายให้เป็น Smart City และมีแผนปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้น ซึ่งไทยคือเป้าหมายของตลาดที่ซาอุดีอาระเบียต้องการนำเข้าต้นกล้าและต้นไม้ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมไทยในกลุ่มนี้ นอกจากนี้ไทยยังได้อานิสงส์ในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีก

ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ คือ อาหาร/เกษตร ก่อสร้าง เหล็ก ปิโตรเคมี ยานยนต์/ชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง เป็นตัวนำตลาด โดยประธานแต่ละกลุ่มจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของซาอุดีอาระเบีย เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า บริการ และยังใช้ของที่ผลิตในประเทศไทยที่ขึ้นทะเบียนเป็น Made in Thailand

“การส่งออกยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญของไทย 8 เดือนปี 2565 ส่งออกเราโต 11% ยังเป็นปีทอง แต่เราต้องหาตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ ส่งออกไทยปีนี้น่าจะไปได้ 8% หรือ 9% ถ้าเราเจอตลาดใหม่ที่มีโอกาส”

ทั้งนี้ ตลาดซาอุดีอาระเบีย เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปซาอุดีอาระเบีย เดือน ม.ค.-ส.ค. 65 อยู่ที่ 43,114 ล้านบาท ขยายตัว 15.9% โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออก อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องจักรและส่วนประกอบของเครื่องจักร รวมถึงอาหารสัตว์ เป็นต้น