ราคาน้ำมันดิบ (19 ต.ค. 65) ปรับลด หลังตลาดจับตาการประกาศขาย SPR สหรัฐ

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Paul Ratje / AFP

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลังตลาดจับตาการประกาศขาย SPR สหรัฐ และการชะลอการประกาศจีดีพีจีน

วันที่ 19 ตุลาคม 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังจากสหรัฐจะประกาศแผนการขายน้ำมันในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) สำหรับส่วนที่เหลืออีก 14 ล้านบาร์เรล จากทั้งหมด 180 ล้านบาร์เรลตามแผนที่จะสิ้นสุดในปีนี้ เพื่อชะลอราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ อาจมีการพิจารณาขายเพิ่มอีก 26 ล้านบาร์เรล สำหรับรอบแผนงบประมาณปี 2566 (เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 65-30 ก.ย. 66)

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 18 ต.ค. 2565 อยู่ที่ 82.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.64 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 90.03 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.59 เหรียญสหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เลื่อนการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงจีดีพีไตรมาส 3/65 ออกไปจากเดิม (18 ต.ค.) โดยตลาดคาดว่าการล่าช้าสืบเนื่องมาจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จัดขึ้นอยู่ในตอนนี้ และคาดตัวเลขสำคัญต่าง ๆ ส่งสัญญาณฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์คาดจีดีพีจีนจะยังคงเติบโตเพียง 3.4% ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการปลอดโควิดที่ยังคงคุมเข้มอยู่ตลอดหลายเดือนที่ผ่าน

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เผยคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบ (Shale oil) สหรัฐมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ย.นี้ สูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 โดยน้ำมันดิบจากแหล่ง Permian จะเพิ่มแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 5.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินในเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการส่งออกของเกาหลีใต้และไต้หวัน เนื่องจากกำลังการผลิตเริ่มกลับขึ้นมา หลังจากที่หยุดซ่อมบำรุงไปในช่วงก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานฝั่งตะวันตกยังคงตึงตัว จากผลกระทบของการนัดหยุดงานที่โรงกลั่นในฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโควตาการส่งออกของจีนรอบใหม่