ตรึงค่าไฟกลุ่มผู้มีรายได้น้อย งวดใหม่ 4 เดือน ยาวถึง เม.ย. ปีหน้า

กพช. เห็นชอบหลักการบริหารจัดการพลังงานรับมือวิกฤตราคาพลังงานอีกรอบ ตรึงค่า FT ให้กลุ่มเปราะบางใช้ไฟต่ำกว่า 300 หน่วย และกลุ่มใช้ไฟ 301-500 หน่วย ไว้ที่ 4.72 บาทต่อหน่วยตั้งแต่ ม.ค-เม.ย. 66 พร้อมขอ ปตท. จัดสรรรายได้จากโรงแยกก๊าซฯ ช่วยอีก 1,500 ล้านบาท 4 เดือน คาดต้นปีราคา LNG พุ่งแตะ 30 เหรียญ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) ในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 ให้เท่ากับงวดปัจจุบันหรือ 4.72 บาทต่อหน่วย สำหรับกลุ่มเปราะบาง ที่มีการใช้ไฟน้อยกว่า 300 หน่วย และกลุ่มที่ใช้ไฟ 301-500 หน่วย

ส่วนเงินจากสำนักงบประมาณจะต้องนำมาช่วยเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับการคำนวนจำนวนกลุ่มประชาชนทั้ง 2 กลุ่ม และส่วนหนึ่งจาก ปตท. ที่ได้ขอความร่วมมือให้นำรายได้จากธุรกิจโรงแยกก๊าซมาช่วยเติม

การช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าว เนื่องจากประเมินว่าช่วงต้นปีแนวโน้มราคาพลังงานจะผันผวนอย่างรุนแรง เพราะเป็นความต้องการใช้สูงจากอากาศหนาว โดยคาดว่าก๊าซ LNG จะอยู่ที่ 25-30 เหรียญ ขณะที่ไทยเอง กำลังการผลิตก๊าซฯ จากแหล่งอ่าวไทยลดลง จำเป็นต้องนำเข้า Spot LNG ที่มีราคาสูงเข้ามาทดแทนเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อต้นทุนเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าของประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย 

ในส่วนของแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้า โดยจัดสรรก๊าซฯ จากอ่าวไทยหลังโรงแยกก๊าซฯ เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยก่อน ในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่า Ft สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย และมอบหมายให้ กกพ. เร่งศึกษาการจัดทำอัตราค่าไฟฟ้ากลุ่มประเภทบ้านอยู่อาศัยที่มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 500 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงาน 

นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือจาก ปตท. ให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ระยะเวลา 4 เดือน (ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย. 2566) มาช่วยสนับสนุนในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยแบ่งการจัดสรร ดังนี้

ส่วนที่ 1 เป็นส่วนลดราคาค่าก๊าซฯ ให้กับ กฟผ. เพื่อสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 500 หน่วยต่อเดือน โดยมอบหมายให้ กกพ. กำกับดูแลการดำเนินการต่อไป

ส่วนที่ 2 เป็นส่วนลดราคาก๊าซฯ สำหรับโรงแยกก๊าซฯ ในการคำนวณต้นทุนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อเป็นเชื้อเพลิง 

“เรารอให้ ปตท. ประชุมบอร์ดแล้วจัดสรรดูว่าจะช่วยได้ตามที่ขอความร่วมมือได้หรือไม่ ซึ่ง ปตท. เองช่วยเหลือเรื่องมาตรการเหล่านี้มาตลอด แต่ก็ต้องให้เวลาเขาพิจารณาด้วยเพราะเขาเป็นบริษัทมหาชน”

นอกจากนี้ยังให้ ปตท. และ กฟผ. บริหารจัดการผลกระทบของราคาก๊าซธรรมชาติต่อค่าไฟฟ้า โดยให้ ปตท. คิดราคาก๊าซฯ สำหรับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. IPP และ SPP ในระดับราคาเดียวกับที่ใช้การประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ตั้งแต่เดือนที่ กพช. มีมติเป็นต้นไป

นอกจากนี้ที่ประชุม กพช. มีมติเห็นชอบการดำเนินการตามมาตรการการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response) ในกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดการใช้ก๊าซฯ โดยกำหนดให้ผลตอบแทนจากการดำเนินมาตรการ Demand Response เป็นส่วนหนึ่งของค่า Ft และมอบหมายให้ กกพ. เร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้สามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในภาพรวมต่อไป 

และที่ประชุมยังมอบหมายให้ กบง. พิจารณาดำเนินการและกำกับดูแลแนวทางการบริหารจัดการก๊าซฯ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงานต่อไป