ค่าไฟเอกชนเหลือ 5.33 บาท/หน่วย กกพ.เคาะลดค่า Ft ม.ค.-เม.ย. 66

ค่าไฟแพง

บอร์ด กกพ. เคาะปรับลดค่า เอฟที งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 ธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรม, ภาคบริการ, โรงแรม 35.52 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ยที่ 5.33 บาทต่อหน่วย จากเดิมที่ต้องจ่าย 5.69 บาทต่อหน่วย ขณะที่ค่าไฟฟ้ากลุ่มประเภทบ้านที่อยู่อาศัยยังคงเดิมที่ 4.72 บาทต่อหน่วย แจงราคาที่ลงได้ เพราะ “กฟผ.” ยอมเลื่อนยืดจ่ายหนี้เป็น 3 ปี

วันที่ 29 ธันวาคม 2565 รายงานแจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ด กกพ.) เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้พิจารณาทบทวนและมีมติปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 ประเภทอื่น ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการ โรงแรม ฯลฯ ใหม่เหลือ 154.92 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิมจะต้องปรับไปอยู่ 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ลดลง 35.52 สตางค์ต่อหน่วย

ทำให้เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับกลุ่มนี้เฉลี่ยจะลดลงเหลือประมาณ 5.33 บาทต่อหน่วย จากเดิมต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ 5.69 บาทต่อหน่วย นโยบายของกระทรวงพลังงาน

สำหรับสาเหตุที่บอร์ด กกพ.มีมติลดค่าไฟฟ้าดังกล่าวได้ เนื่องจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) ยอมเลื่อนการคืนหนี้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จ่ายล่วงหน้าให้ประชาชน 160,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี จากเดิมขอให้ชำระหนี้ภายใน 2 ปี ทำให้ต้นทุนส่วนนี้ลดลงจากงวดนี้ (ม.ค.-เม.ย. 2566) รวม 33 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 22 สตางค์ต่อหน่วย

พร้อมกันนี้มีการปรับสูตรคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ จากแนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ช่วยลดอัตราคำนวณจาก 37 บาท เหลือ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเหลือ 466 บาทต่อล้านบีทียู จากเดิมอยู่ที่ 506 บาทต่อล้านบีทียู

อีกส่วนหนึ่งมาจากการนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย แบ่งมาใช้คำนวณในระบบแก่กลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีการนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ไปคำนวณเฉพาะการใช้ผลิตไฟฟ้าให้กับกลุ่มบ้านที่อยู่อาศัยเท่านั้น

รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนค่าไฟฟ้ากลุ่มบ้านที่อยู่อาศัยยังคงเดิมที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย

โดยผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง และครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 500 หน่วยต่อเดือน บอร์ด กกพ.ได้คำนวณตัวเลขว่าหากยังมีการให้ส่วนลดแบบขั้นบันได เหมือนกับงวดค่าไฟฟ้าในปัจจุบันแล้ว จะต้องใช้วงเงินมาดูแลรวม 9,000 ล้านบาท

ส่วนนี้จะเกลี่ยก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 6,000 ล้านบาท มาดำเนินการ ส่วนที่ขาดวงเงินอีก 3,000 ล้านบาทกำลังพิจารณาว่าจะมาจากส่วนใด โดย กกพ.เห็นว่า ปตท.ควรคืนในส่วนนี้เพื่อนำมาเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าบ้านที่เรียกเก็บต่ำกว่าภาคเอกชนและกลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 43 (2) และมาตรา 57 (2) กำหนดไว้ว่า ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ต้องจัดสรรแก่ประชาชนและชุมชนก่อน

ดังนั้น ราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จึงต้องนำมาใช้คำนวณให้กลุ่มบ้านพักอาศัยก่อน เพื่อทำให้มีราคาค่าไฟฟ้าถูกกว่าภาคเอกชน ซึ่งกลุ่มเอกชนที่ผ่านมาก็ได้รับประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่ลดลงเอฟทีติดลบ 15.32 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อปี 2564 และในส่วนนี้ภาคเอกชน ก็ไม่เคยลดราคาสินค้าให้กับประชาชนแต่อย่างใด และกรณีที่ระบุว่าค่าไฟฟ้าของประเทศเวียดนามอยู่ที่ 2 บาทต่อหน่วย ก็จะต้องให้ไปดูข้อเท็จจริงว่า มีค่าไฟฟ้าอัตรานี้จริงหรือไม่

เลขาฯ กกพ.แจงเหตุผลลดค่าไฟเอกชน

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 60/2565 (ครั้งที่ 827) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 พิจารณาผลการคำนวณค่าเอฟทีเพิ่มเติมอีกครั้งหลังจากที่ กฟผ. และ ปตท. ทบทวนประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาน้ำมันดีเซล อัตราแลกเปลี่ยน และภาระหนี้คงค้างของ กฟผ. สำหรับการคำนวณอัตราค่าเอฟที (Ft) ตามที่ กกพ. ได้พิจารณาไปแล้วในการประชุมครั้งที่ 58/2565 (ครั้งที่ 825) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 โดยมีสมมุติฐานที่เปลี่ยนแปลง ตามตาราง ดังนี้

ตารางสมมติฐานค่าไฟ

ทั้งนี้ กฟผ. คำนวณกรณีศึกษาเพิ่มเติม โดยจัดสรรก๊าซอ่าวไทยเพื่อการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย ราคา 237 บาทต่อล้านบีทียู ในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน (รวมการทยอยคืนค่า AF ให้กับ กฟผ. 22.22 สตางค์ต่อหน่วย) ตามมติ กพช. ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 28.16 จากการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด หรือประมาณ 64,980 ล้านบีทียู ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับผู้ใช้ก๊าซรายอื่นเพิ่มขึ้นเป็น 496 บาทต่อล้านบีทียู

จากการปรับเปลี่ยนสมมุติฐานดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยยังคงต้องจ่ายค่า Ft ในอัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่น ๆ ต้องจ่ายค่า Ft ในอัตรา 154.92 สตางค์ต่อหน่วย ค่า Ft ดังกล่าวทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยยังคงจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ เช่น ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ นายคมกฤช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป ผู้ใช้ไฟฟ้า 3 ประเภท จะได้รับการปรับลดอัตราค่าบริการรายเดือน ดังนี้เดิม ใหม่ (1) ประเภทบ้านอยู่อาศัย ใช้มากกว่า 150 หน่วย 38.22 บาท/เดือน เป็น 24.62 บาท/เดือนประเภทบ้านอยู่อาศัย แรงดันต่ำ อัตรา TOU 38.22 บาท/เดือน เป็น 24.62 บาท/เดือน (2) กิจการขนาดเล็ก แรงดันต่ำ 46.16 บาท/เดือน เป็น 33.29 บาท/เดือน (3) กิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร อัตรา TOU 228.17 บาท/เดือน เป็น 204.07 บาท/เดือน