ราคาน้ำมันดิบ (13 ม.ค. 66) ปรับเพิ่ม หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว

ราคาน้ำมันดิบ
Photo : Pixabay

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงต่อเนื่อง

วันที่ 13 มกราคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐเดือน ธ.ค. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 6.5% Y-o-Y ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และปรับลดลง 0.1% M-o-M ส่งผลให้ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพิ่มอัตราดอกเบี้ยดัวยอัตราที่ช้าลงที่ 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ชะลอตัวลงจะส่งผลเชิงบวกต่อสภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งอุปสงค์น้ำมันในตลาด

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 12 ม.ค. 2566 อยู่ที่ 78.39 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.98 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 84.03 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.36 เหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจีนผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดอย่างใกล้ชิด

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลง และน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคายังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนามเดือน ธ.ค. ซึ่งปรับตัวลดลง 15.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกไปยังฝั่งตะวันตกมีแนวโน้มอ่อนตัวลง แม้เข้าใกล้เส้นตายการห้ามซื้อขายน้ำมันสำเร็จรูปของรัสเซียในวันที่ 5 ก.พ.