ดิษทัต ปันยารชุน อาสาติดปีก OR ผู้นำ EV มุ่งสู่ธุรกิจสีเขียว

บรรยากาศวงการพลังงานคึกคักตั้งแต่ต้นปี หลังเบอร์ 1 บริษัทน้ำมันอย่าง OR ได้ฤกษ์เปิดตัว นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งนับเป็น CEO OR คนที่ 2 ที่จะเข้ามาสานต่อวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” เสริมแกร่งธุรกิจเดิม สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ ผ่านแนวคิด “RISE OR” หรือ “ติดปีก OR”

ประกอบด้วย R-result มุ่งดำเนินแบบที่เห็นผลลัพธ์เร็ว I-intelligence คือการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด S-synergy ผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งภายใน ปตท.-ภายนอก และ entrepreneurship หรือการปรับ mindset ที่ใช่สู่ธุรกิจของเราทุกคน

กางแผน 5 ปีลงทุน 1.1 แสนล้าน

โออาร์วางงบฯการลงทุนช่วง 5 ปี (2566-2570) มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท ไว้ว่า ในปี 2566 จะใช้งบฯลงทุนประมาณ 31,000 ล้านบาท โดยจัดสรรเม็ดเงินสำหรับการลงทุนในธุรกิจไลฟ์สไตล์ (lifestyles) 45%, ธุรกิจการขับเคลื่อน (mobility) 22%, ธุรกิจในต่างประเทศ (global market) 16% และนวัตกรรมโออาร์ (innovation) อีก 17%

โดย OR จะมุ่งเน้นการเติบโตร่วมกับพันธมิตรพร้อมตั้งเป้าหมายจะมีรายได้จากความร่วมมือในการทำธุรกิจราว 50% สร้างการเติบโตไปพร้อมกัน

โดยจุดมุ่งหมายแรกหลังรับตำแหน่ง CEO ใหม่ คือ การทำธุรกิจเดิมให้เข้มแข็ง และแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ กระจายรายได้และวางองคาพยพ ติดปีกให้ OR ทะยานสู่โอกาสใหม่ ด้วยแนวคิด “RISE OR” ผ่านกลยุทธ์ 3 ข้อ ได้แก่

1) Synchronization for Ecosystem จะมีการประสานธุรกิจพลังงานและไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ OR ผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของแต่ละธุรกิจมาเสริมความเข้มแข็งซึ่งกันและกัน ให้สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตแห่งอนาคต ทั้งด้าน offline และ online

2) Synergy for Impact จะผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อยกระดับผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดแบบครบวงจร พร้อมเปิดประตูความร่วมมือสู่การเติบโตร่วมกัน

และ 3) Sustainability for Future การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ใน “แบบฉบับของ OR” เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR ปี 2573 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ S-small โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก D-diversified โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ

เเละ G-green โอกาสเพื่อสังคมสะอาด ผ่านการส่งเสริมธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว มีการติดตั้งโซลาร์ ใช้ผลิตภัณฑ์ upcycling แก้ว biocup และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 รวมถึงบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายใน 2050

ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาด EV

ทั้งนี้ จะสานต่อการขับเคลื่อนองค์กรตามพันธกิจเดิม ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1) Seamless Mobility ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้าน EV ภายในปีนี้ 2566 จากการวางแผนจะติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้า (EV) ให้ครบ 7,000 หัวจ่าย ภายในปี 2573 จากปัจจุบัน 300 หัวจ่าย

“เราพร้อมเป็นผู้นำอีวี บริษัทในกลุ่ม ปตท.มี ecosystem EV พร้อมอยู่แล้ว เราเริ่มทำแล้ววันนี้ กำลังหารือร่วมกับเเฟลกชิป GPSC เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน energy storage”

2) All Lifestyles มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรภายในควบคู่กับการสรรหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญจากภายนอก ขยายให้ครอบคลุมทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สุขภาพ และท่องเที่ยว3) Global Market การสร้างพันธมิตรเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ มีเป้าหมาย 100 ประเทศในปี 2573

และ 4) OR Innovation เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยบริษัทจะเปิดตัวแอปพลิเคชั่น All in one Lifestye ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะเชื่อมโยงการให้บริการออฟไลน์และออนไลน์ให้กับสมาชิกบัตรบลูการ์ด ซึ่งปัจจุบันมีแอ็กทีฟ 7.5 ล้านคน

ดิษทัต-สุชาติ แยกบทบาท

สำหรับการเเบ่งงานกับ “นายสุชาติ ระมาศ” ผู้อำนวยการใหญ่ของ OR นั้น จะแบ่งแยกบทบาทในส่วนของ CEO จะดูภาพใหญ่ ภาคนโยบายเป็นหลัก ส่วนประเด็นที่ว่า มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการบริหารงานของ OR โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวางตัวผู้บริหารนั้น ตรงนี้นายดิษทัตเชื่อว่า “ไม่มีปัญหา” พร้อมทำงานกับทุกฝ่าย

“ผมมาจากการค้าขาย(เทรดเดอร์)มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจต่างประเทศ จากสายงานการค้าขายต่างประเทศและประสบการณ์จากบริษัทแม่ (ปตท.) ผมจะพาโออาร์ไปตลาดสากล ซึ่ง OR มีความได้เปรียบและความพร้อมในการแข่งขัน เพราะมีพอร์ตขนาดใหญ่

ดังนั้นจึงเป็นโอกาสขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดต่างประเทศ การที่จะขยายเข้าไปลงทุนในแต่ละประเทศนั้น จะต้องไปด้วยความสุขุม พร้อมกับการหาพันธมิตร ที่ถูกต้อง ซึ่งเราต้องเข้าไปวิเคราะห์วัฒนธรรม พยายามเอาตัวเองเข้าไปทำความเข้าใจในธุรกิจประเทศนั้น ๆ”

ขณะเดียวกันก็ใช้จุดแข็งจากด้านเทรดดิ้งในการบริหารความเสี่ยง บริหารจัดการ inventory ให้กับโออาร์ในการลดความเสี่ยงด้วย

อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญเราไม่สามารถคิดคนเดียวได้ ต้องคิดเป็นทีม ต้องวางแผนทำงานเป็นทีมร่วมกับทีมบริหารของ OR เพื่อให้การดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จ และที่สำคัญ จากจุดแข็งดังกล่าวจะส่งผลให้ OR ลดความเสี่ยงและต้นทุนจากการทำธุรกิจในต่างประเทศได้อีกด้วย

ไม่กังวลดีลบางจากซื้อเอสโซ่

ด้านแนวโน้มรายได้และยอดขายน้ำมัน OR ปัจจุบัน นายดิษทัตยังมั่นใจว่า จะเติบโตขึ้นจากปีก่อน ภายหลังจากจีนมีนโยบายเปิดประเทศ ซึ่งจะสนับสนุนในการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจดีขึ้น จะช่วยหนุนยอดการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันในปีนี้ OR จะเร่งขยายตลาดต่างประเทศ เดินหน้าแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ส่วนภาวะปัจจุบันที่หลายบริษัทมีการซื้อกิจการหรือดึงพาร์ตเนอร์เข้ามาลงทุนในเมืองไทย มองว่า ถือเป็นบรรยากาศที่ดี ในส่วนของ OR มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง “จึงไม่กังวล เพราะมีจุดแข็งในการเข้าถึงผู้บริโภค มีพาร์ตเนอร์ที่ดี และยังมีนโยบายทั้งการดูแลสร้างโอกาสให้ธุรกิจรายย่อย รวมทั้งการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

โดยที่ผ่านมาโออาร์เข้าไปช่วยเพิ่มรายได้ชุมชน ให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพบริเวณโดยรอบสถานีบริการน้ำมันรัศมี 5 กิโลเมตร เป็นไปตามเป้าหมาย ปี 2573 จะสร้างงาน 1 ล้านราย และจะยกระดับชุมชน 15,000 ชุมชน ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น

กรณีบริษัท บางจาก (BCP) เข้าซื้อหุ้นโรงกลั่นน้ำมัน ESSO นั้น “ส่วนตัวขอพูดในมุมของ OR ว่า บริษัทมีความพร้อมในการแข่งขันเพราะมีฐานธุรกิจเดิมที่แข็งแรง โดยมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดได้ มี value chain ที่กว้างในกลุ่ม ปตท.


อีกทั้งยังมีพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจจำนวนมาก OR มีความพร้อมอย่างมากในการแข่งขัน มีธุรกิจที่เข้มแข็งทั้ง 4 ด้าน ธุรกิจ Lifestyles Mobility Global Market และ Innovation ซึ่งจะรองรับการแข่งขันได้อย่างดี และที่สำคัญ ภายใต้ธุรกิจเดียวกันผู้ประกอบการก็พร้อมร่วมวางแผนกลยุทธ์การเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน”