ส.อ.ท. เปิด 4 ปัจจัย ค่าไฟงวด 2 ไม่ควรเกิน 4.70 บาท

ค่าไฟฟ้า

สภาอุตฯ เปิด 4 ปัจจัย รัฐควรคำนึงก่อนเคาะ ราคาค่าไฟฟ้า งวด 2 พ.ค.-ส.ค. 66 ชี้ราคาไม่ควรให้ครัวเรือนต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าเดิมจากราคา 4.72 บาท/หน่วย จัดสรรก๊าซในอ่าวไทยให้เหมาะสมเป็นธรรม แก้ภาระหนี้ EGAT ปลดล็อกโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนถูกกว่า LNG

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 รายงานข่าวระบุ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา เปิดเผยถึง แนวโน้มค่าไฟฟ้างวด 2 หรือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 มีเเนวโน้มจะกลับมาเป็นอัตราเดียวทั้งภาคครัวเรือนและเอกชนเหมือนเดิม

ภายหลังจากที่งวดแรกของปี 2566 กกพ.พิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าเป็น 2 อัตรา คือ ครัวเรือนคิดค่าไฟที่ 4.72 บาทต่อหน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น อาทิ เอกชน คิดอัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย โดยมีปัจจัยบวกจากเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติเหลวแอลเอ็นจี ราคา LNG Spot ล่าสุดลดต่ำลงมาก เหลือ 15-16 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู นั้น

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจัยที่ควรคำนึง ราคาค่าไฟฟ้า งวด 2 (พ.ค.-ส.ค. 2566) มี 4 ปัจจัย ได้แก่ 1.การจะให้ราคาครัวเรือนเท่ากับภาคธุรกิจ ภาครัฐ ก็ไม่ควรให้ครัวเรือนต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าเดิมจากราคา 4.72 บาท/หน่วย

2.ปัจจัยสำคัญ คือการจัดสรรก๊าซในอ่าวไทยให้เหมาะสมและเป็นธรรม โดยไม่ควรมีกลุ่มธุรกิจใด ได้ประโยชน์จากก๊าซในอ่าวไทยมากกว่าประชาชน

3.ปัญหาสภาพคล่องและภาระหนี้ของ EGAT ควรจะดีขึ้นจากราคาพลังงานที่ลดลง 4.การปลดล็อกโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนถูกกว่า LNG นำเข้า ควรทำอย่างเต็มที่ โดยดูราคารับซื้อ ให้เหมาะสมกับต้นทุนส่วนเพิ่มของภาคธุรกิจด้วย