ราคาน้ำมันดิบ (8 มี.ค. 66) ปรับลงหนัก ตลาดกังวลเศรษฐกิจถดถอย

แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบปรับลงหนัก เนื่องจากตลาดกังวลเศรษฐกิจถดถอย หลัง FED มีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด

วันที่ 8 มีนาคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 4% ซึ่งเป็นการลดลงที่มากที่สุดในรอบสองเดือน หลัง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) แสดงความเห็นในสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า FED มีความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อกดอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2% ส่งผลให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นกว่า 1% สู่ระดับสูงสุดในรอบสามเดือน

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 7 มี.ค. 2566 อยู่ที่ 77.58 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.88 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 83.29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.89 เหรียญสหรัฐ

การส่งออกสินค้าจากจีนในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ปรับลดลงกว่า 6.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของอุปสงค์จากทั่วโลก ซึ่งคาดว่าสภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐและยุโรปเป็นปัจจัยหลักที่กดดันในภาคการผลิตของจีน

หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 มี.ค. 66 ปรับลดลงกว่า 3.835 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลงเพียง 0.308 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดปริมาณการส่งออกจากจีนมีแนวโน้มลดลงในเดือน มี.ค. ขณะที่อุปทานในตลาดคาดว่าจะตึงตัวจากฤดูการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายแห่งในช่วงกลางเดือน

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดยุโรปอ่อนตัวลง จากความต้องการใช้ที่ปรับลดลง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันคงคลังสหรัฐที่คาดจะเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งออกจากไต้หวันและตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น