ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.อยู่ระดับ 53.8 สูงสุดรอบ 37 เดือน

หอการค้า

หอการค้าเผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2566 สูงสุดในรอบ 37 เดือน แตะระดับ 53.8 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 จากปัจจัยท่องเที่ยวหนุน

วันที่ 11 เมษายน 2566 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมีนาคม 2566 ระดับ 53.8 แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 37 เดือนก็ตาม

แต่ความเชื่อมั่นก็ยังไม่โดดเด่นมากนัก เนื่องจากประชาชนที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำกว่า 20,00 บาทต่อเดือน ยังมีการใช้จ่ายไม่มากนัก เพราะมองว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโต

นอกจากนี้ ยังต้องจับตาในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีเม็ดเงินจากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งลงไปในแต่ละพื้นที่ ประกอบกับอยู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีเม็ดเงินในการจับจ่ายใช้สอยมากเป็นพิเศษในช่วงนี้

ขณะเดียวกัน หลังจากการเลือกตั้งในผ่านไปแล้ว จะต้องรอดูว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะผ่านไปด้วยดีหรือไม่ ไม่มีการเมืองนอกสภา รวมทั้งความชัดเจนของการมีรัฐบาลใหม่ ตลอดจนนโยบายต่างๆ ที่จะแถลงต่อสภา รวมถึงการขับเคลื่อนงบประมาณด้วย

หอการค้า
ธนวรรธน์ พลวิชัย

“คาดว่าปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 3.0-3.5% การที่เศรษฐกิจจะโตได้มากกว่า 3.5% อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะมีสุญญากาศในไตรมาส 3 – ไตรมาส 4 (ช่วงมีรัฐบาลใหม่ และการจัดทำงบประมาณ) การลงทุนอาจจะยังไม่โดดเด่น โอกาสที่เศรษฐกิจจะโตมากกว่า 3.5% เป็นไปได้น้อย ช่วงไตรมาส 3-4 ยังขาดกลไกในการขับเคลื่อน เพราะถ้าเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้น ก็ต้องใช้พลังจากการท่องเที่ยวอย่างเดียว การส่งออกคงยังช่วยไม่ได้มาก”

นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมีนาคม 2566 พบว่า อยู่ที่ระดับ 53.8 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 37 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563

ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 48.0 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 50.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 62.5

ทั้งนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น และจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมีนาคม 2566 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งการท่องเที่ยวของคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น

ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเงินของโลก และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่าง ๆ ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย มีผลลบต่อการส่งออกของไทย ทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลง และมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาค