OR เปิดเกมบุกปั้มกำไรธุรกิจต่างประเทศ เร่งขยายลงทุน “กัมพูชา” บ้านหลังที่สอง

ดิษทัต ปันยารชุน
ดิษทัต ปันยารชุน

OR เปิดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจในต่างประเทศ ส่งต่อความสำเร็จจากประเทศไทย แสวงหาโอกาสในการเติบโต เพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจต่างประเทศ ปักหมุด “กัมพูชา” เป็นบ้านหลังที่ 2 ขยายการลงทุนคลังน้ำมัน-ก๊าซ LPG และร่วมทุนพันธมิตรป้อนน้ำมันเครื่องบินให้กับสนามบินกรุงพนมเปญ

วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ​นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ พร้อมด้วย นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ และนายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจต่างประเทศ ร่วมเปิดเผยถึงกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ เพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ

เช่น การจำหน่ายก๊าซหุงต้ม (LPG) หรือยางมะตอย รวมถึงขยายธุรกิจในต่างประเทศร่วมกับพันธมิตรของ OR ไม่ว่าจะเป็นบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชัน จำกัด เจ้าของธุรกิจร้านสะดวกซักแบรนด์ Otteri Wash & Dry หรือบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ตลอดจนโอกาสในการสร้างการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรท้องถิ่นผ่านการลงทุนใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ โดยมุ่งเป้าเพิ่มสัดส่วน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เป็น 15% ในปี 2570 จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 7%

โดยมุ่งเน้น 4 ประเทศหลักในอาเซียน ได้แก่ 1.กัมพูชา ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของ OR เนื่องจากเป็นประเทศที่ OR ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีโรงกลั่น น้ำมันที่ใช้ในประเทศเป็นการนำเข้า 100%

ปัจจุบันในกัมพูชาโออาร์มีสถานีบริการ PTT Station ซึ่งมีอยู่ 169 สาขา มีคลังเก็บผลิตภัณฑ์ 7 แห่ง และธุรกิจหล่อลื่น PTT Lubricants

รวมทั้งได้ร่วมลงทุนในบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2567

นอกจากนี้ OR ยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น อาทิ คลังน้ำมัน ขนาดใหญ่ที่รองรับศักยภาพมากกว่าเดิม 2-3 เท่า และลงทุนคลังก๊าซ LPG รวมถึงการตั้งโรงงานผสมยางมะตอย

ในส่วนของธุรกิจไลฟสไตล์ในกัมพูชา ขณะนี้มีร้าน Café Amazon อยู่ 231 สาขา และร้านสะดวกซื้อ 65 สาขา รวมถึงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจพลังงานอื่น ๆ อาทิ Battery Swapping และสถานีชาร์จไฟฟ้า EV station Pluz

2.ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีศักยภาพที่น่าสนใจ ปัจจุบัน OR มีสถานีบริการ PTT Station อยู่ 168 สาขา มีคลังน้ำมัน 4 แห่ง และร้าน Café Amazon 17 สาขา และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants รวมถึงการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่สนามบินในประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย

3.สปป.ลาว ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวม 54 สาขา ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto และ Procheck รวม 9 สาขา จำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants รวมถึงมีร้าน Café Amazon 87 สาขา ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ 28 สาขา ร้านชานม Pearly Tea 5 สาขา และอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการปลูกและค้าเมล็ดกาแฟร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่น โดยเน้นกาแฟสายพันธุ์อราบิก้า

4.เวียดนาม OR ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจร้าน Café Amazon ในเวียดนาม ปัจจุบันมีจำนวน 22 สาขา รวมถึงศึกษาเกี่ยวกับโอกาสในการค้าเมล็ดกาแฟร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่น โดยเน้นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า อีกทั้งยังคงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจอื่น ๆ เพื่อการเติบโตในอนาคต เช่น การค้า LNG และ LPG ในเวียดนาม

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการขยายร้าน Café Amazon ไปในประเทศอื่น ๆ ในลักษณะมาสเตอร์แฟรนไชส์ ได้แก่ โอมาน ที่มีแผนเปิดร้าน Café Amazon อีก 4 สาขาในปีนี้ และเพิ่มเป็น 19 สาขาในปี 2567, มาเลเซีย ปีนี้เปิด 2 สาขา และจะเพิ่มเป็น 10 สาขา ในปี 2567 และญี่ปุ่นมีแผนเปิดร้าน Café Amazon เพิ่มเป็น 3 สาขาในปี 2567

“ทั้งหมดนี้เกิดจากความมุ่งมั่นของ OR ในการขยายฐานการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความสำเร็จและการยอมรับในตลาดโลก โดยนำความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยไปปรับใช้ในต่างประเทศ โดยมีการศึกษารูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสมในแต่ละประเทศเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันกับสังคม ชุมชน และเศรษฐกิจในพื้นที่” นายดิษทัตกล่าวเสริม