เทียบชัดๆอันดับ “ราคาน้ำตาลทราย” ประเทศไหนต่างกันอย่างไร ไทยอันดับเท่าไร

น้ำตาลทราย
รายงาน

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ปมร้อนการพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายของประเทศไทย กลายเป็นปัญหาฝุ่นตลบ

ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 31ตุลาคม 2566 และออกประกาศควบคุมสินค้าน้ำตาลทราย เพื่อดูแลป้องกันการกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่าย หรือการกำหนดให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม

เพื่อดูแลป้องกันการกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่าย หรือการกำหนดเงื่อนไขและวิธีการปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม และกำกับดูแลสินค้าน้ำตาลทรายให้มีราคาที่เป็นธรรมและปริมาณที่เพียงพอ ขณะที่ฝั่งชาวไร่อ้อยเองก็สะท้อนถึงปัญหาต้นทุนการผลิตน้ำตาลทรายที่ปรับสูงขึ้น จากราคาวัสดุทางการเกษตรปุ๋ย รวมถึงผลกระทบจากภัยแล้งที่ทำให้อ้อยมีปริมาณลดลง ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะนำมาสู่การปรับขึ้นราคาน้ำตาล

ล่าสุดเพจของโรงงานน้ำตาลทรายได้เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างราคาน้ำตาลในประเทศต่างๆ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Globalproductprices.com เดือนกันยายน 2566 ตัวอย่างเช่น

ฮ่องกง เกิน 100 บาท/กิโลกรัม อันดับ 1 , นอร์เวย์ เกิน 90 บาท/กิโลกรัม อันดับ 2 , เกาหลีใต้ เกิน 60 บาท/กิโลกรัม อันดับ 14 , เวียดนาม เกิน 45 บาท/กิโลกรัม อันดับ 45 , มาเลเซีย เกิน 37 บาท/กิโลกรัม อันดับ 68 , บราซิล เกิน 32 บาท/กิโลกรัม อันดับ 72 เป็น

สำหรับราคาน้ำตาลทรายในประเทศไทย ได้ถูกคำนวณไว้ที่ราคา 21 บาท/กิโลกรัม อยู่ที่ลำดับ 80 เป็นรองอันดับสุดท้ายจากการสำรวจ 81 ประเทศ

ADVERTISMENT

ในเรื่องนี้ มีความสำคัญ เนื่องจากได้เสนอขอปรับราคาน้ำตาลทราย 4 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะช่วงเวลาย้อนหลัง 3 ปี ที่ผ่านมา ต้นทุนการจัดการอ้อย เช่น ราคาปุ๋ยขยับสูงขึ้นมาก ค่าแรงงานภาคเกษตรก็สูงขึ้นมาก แรงงานเกษตรยังหายากเพราะทำงานอื่นมีรายได้มากกว่า เป็นต้น

ประเทศไทย ผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลก แต่พี่น้องชาวไร่อ้อยมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก การขยับขึ้นของราคาน้ำตาลทราย 4 บาท/กิโลกรัม ประกาศโดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ได้ถูกล้มกระดาน ถูกกดทับมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีมาตรการที่ค่อนข้างย้อนแย้ง อย่างคาดไม่ถึง แบบเร่งด่วน มีราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้เพิ่มรายการน้ำตาลเป็นสินค้าควบคุม จากกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566

ADVERTISMENT

การเพิ่มรายการ น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม กำหนดราคาขายน้ำตาลทรายมีประเด็นใหญ่ ที่มีความสำคัญ เคยถูกแก้ไขลดความเสี่ยงผ่านการเจรจาต่อรองกับประเทศคู่กรณี เนื่องจากเป็นการแทรกแซงไม่สอดคล้องกับข้อตกลงที่ทำไว้กับองค์กรการค้าโลก WTO อาจเป็นปัญหาตามมาที่จะทำให้สินค้าจากประเทศไทยถูกลงโทษ เกิดข้อพิพาทกับ บราซิล อินเดีย ที่เคยยื่นฟ้องร้องไว้

หากวิเคราะห์ตามข้อเท็จจริง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการไม่ปรับราคาน้ำตาล 4 บาท/กิโลกรัม ในครั้งนี้ มีความซับซ้อน มีเงินได้เสียจำนวนมาก เช่น กลุ่มทุนธุรกิจอาหารเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ กลุ่มมาเฟียผู้ลักลอบขนน้ำตาลทรายออกนอกประเทศไทยตามชายแดน กลุ่มข้าราชการแสวงหาผลประโยชน์ เป็นต้น เพราะส่วนต่างราคาน้ำตาลต่างประเทศราคาสูงกว่าในประเทศมาก

การประกาศให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม การกดราคาน้ำตาลทรายในประเทศไทยไว้ หากมองจากฉากหน้าและเจตนาที่กล่าวอ้าง เหมือนต้องการช่วยดูแลประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบ

แต่ความเป็นจริง สถิติย้อนหลังที่มีการสำรวจการบริโภคน้ำตาลของคนไทย จะไม่เกิน 12 กิโลกรัมต่อคนต่อปี การขึ้นราคาน้ำตาล 4 บาทต่อกิโลกรัม จะกระทบรายจ่าย 48 บาทต่อคนต่อปี ประมาณเดือนละ 4 บาท ซึ่งแทบจะไม่มีผลอะไร

หลังจากนี้ก็คงต้องมารอติดตามดูว่าผลการหารือเพื่อยื่นข้อเรียกร้องของสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยต่อกระทรวงพาณิชย์ในวันที่2 พฤศจิกายน 2566 จะนำมาสู่บทสรุปอย่างไร