
ค่าพีกไฟฟ้ามาแรงพุ่ง 32,509 MW วานนี้ (7 มี.ค.) ยังไม่ถึง เม.ย. พีกแล้ว กกพ.ประสานเสียงกระทรวงพลังงาน วอนประชาชนประหยัดการใช้ไฟ หวั่นต้องนำเข้า LNG ผลิตไฟเพิ่ม
วันที่ 8 มีนาคม 2567 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ทาง กกพ.ได้ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อน ว่ามีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (ค่าพีก) ในวันที่ 7 มีนาคม 2567 เวลา 19.47 น. ที่ระดับ 32,509.2 เมกะวัตต์ ซึ่งยังต่ำกว่าค่าไฟพีกของปีก่อนที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 พ.ค. 2566 เวลา 21.41 น. ที่ระดับ 34,130.5 เมกะวัตต์
“ค่าไฟพีกของปีนี้ยังไม่สูงเท่ากับปีที่แล้ว แต่ก็มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นอีก เพราะค่าไฟพีกของปีก่อนเกิดขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่มีอากาศร้อน 33 องศาเซลเซียส ส่วนในปีนี้ค่าไฟพีกล่าสุดวันที่ 7 มีนาคม อยู่ที่ระดับความร้อน 30.8 องศาเซลเซียส ปัจจัยเรื่องอุณหภูมินับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะประชาชนอาจจะใช้ไฟเท่าเดิม แต่อุณหภูมิที่แตกต่างจะทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ”
“ถ้าใช้ไฟเยอะก็จะทำให้ไทยจำเป็นต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งจากการติดตามตัวเลขการนำเข้าก๊าซธรรมชาติในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 ลำเรือ หรือ 4,327 ตัน จนต้องมีการประชุมด่วนในเรื่องของการประเมินแผนการนำเข้า ซึ่งถ้าหากมีการใช้ไฟมากอย่างนี้ก็อาจจะต้องมีการเพิ่มการนำเข้า’
ทาง กกพ.จึงใคร่ขอให้ประชาชนประหยัดการใช้ไฟฟ้าในทุก ๆ ด้าน ทั้งการล้างแอร์ ดูแลตู้เย็น การรีดผ้าคราวละมาก ๆ เพื่อประหยัดการใช้ไฟจากเตารีด เป็นต้น
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปี 2567 เมื่อเวลา 19.47 น. ที่ 32,704 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากฤดูร้อนที่เริ่มต้นเร็วกว่าปกติ และคาดว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอุณหภูมิเฉลี่ยอาจจะสูงถึง 45 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้มีการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้เกิด Peak เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เวลา 21.41 น. ที่ 34,826 เมกะวัตต์
“ตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตรวจสอบและดูแลระบบการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อมิให้กระทบต่อประชาชนและการดำเนินธุรกิจ”
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้เตรียมออกนโยบาย 5 ป. ได้แก่ ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน ปลูก ประกอบด้วย ปิด : การปิดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน, ปรับ : ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศา, ปลด : ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังการใช้งาน, เปลี่ยน : หากมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5 และ ปลูก : ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน
“ผมได้สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เตรียมความพร้อมในการดูแลเรื่องการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในทุกภาคส่วน และจะต้องไม่มีเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเกิดขึ้น
ในปีนี้คาดว่าอุณหภูมิจะร้อนมากกว่าปีที่แล้ว จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าผ่านนโยบาย 5 ป. เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าลง ซึ่งนอกจากจะสามารถลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าในภาพรวมได้แล้ว ยังสามารถลดค่าไฟฟ้าของประชาชนได้อีกด้วย
และในช่วงหน้าร้อนนี้ ขอเชิญชวนให้ทุกบ้านล้างแอร์ เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ก็จะสามารถลดค่าไฟไปได้อีกทาง” นายพีระพันธุ์ กล่าว