วันแรกลดสูตรใช้น้ำมัน B7 ฉุดราคาปาล์มร่วงเหลือ 7 บาท/กก.

ปาล์ม

สมาพันธ์ ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทยตั้งคำถามถึง รมต.พลังงาน หลังมติ กนป.ลดใช้ B7 เหลือ B5 มีผล 5 ก.พ.2565 ฉุดราคาผลปาล์มร่วงเหลือ กก.ละ 7 บาท ส่วน มติ กนป. เคาะประกันรายได้ปี64-65 ยืนราคากก.ละ 4 บาทเท่าเดิม ไม่ช่วยเกษตรกรยังอ่วมขาดทุน ต้นทุนค่าปุ๋ย พุ่ง 100% ด้านกรมการค้าภายในยืนยัน กนป. มีมาตรการป้องกันราคาปาล์มร่วง หลังลดใช้ บี7

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน ( กบง. ) ที่ประชุมไปเมื่อ วันที่ 31 มกราคม 2565 มีมติให้ปรับสูตร ลดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมัน (บี 100) ที่เป็นส่วนผสมของน้ำมันดีเซล บี7 เหลือ บี5 โดยกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2564) ส่งผลทางต่อตลาดปาล์มน้ำมันทำให้ราคาผลปาล์มปรับลดลงเหลือ กก. ละ 7-8 บาท ก่อนหน้านี้ที่ราคาเคยขยับขึ้นไปสูงสุด กก.ละ 11.70-11.80 บาท

“ ทางสมาพันธ์ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเราถามกระทรวงพลังงานโดยผ่านไปทางประธานที่ประชุม กนป. ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนนี้ต้องการอะไร เพราะก่อนหน้านี้รัฐมนตรีคนก่อนได้ผลักดันการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานซึ่งต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าสมาคมยานยนต์จะยอมรับรองมาตรฐานบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐาน เป็นไปตามมาตรฐานยูโร4 แต่ตอนนี้จะมาปลดไบโอจากน้ำมันพื้นฐานมาเป็นบี7 และมาเหลือบี5 ความชัดเจนของนโยบายต้องการอะไรถ้าเกษตรกรไทยยังเป็นประเทศที่ปลูกปาล์มน้ำมัน และหากพรุ่งนี้สถานการณ์ราคาเปลี่ยนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งชาวสวนยังไม่ได้รับคำตอบจากกระทรวงพลังงาน “

โดยในที่ประชุมทางกระทรวงพลังงานส่งกรมธุรกิจพลังงานมาร่วมประชุมมาให้ข้อมูลว่าทำไมจะต้องปรับสูตรบี5 ไม่ตอบคำถามใดใดเลย ระบุเพียงว่า ตอนนี้ต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบปรับสูงขึ้น จนทำให้ ต้นทุนในการผลิตไบโอดีเซลทะลุ กก.57 บาทไปแล้ว และราคาปิโตรเลียมในตลาดโลกก็ปรับขึ้นประมาณ 2 บาทซึ่งรัฐจะต้องใช้เงินชดเชยให้กับดีเซลจนกองทุนน้ำมันขาดทุนแล้ว 14,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรถใช้บีเจ็ดชั่วคราว หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะพิจารณากลับมาใช้บี7เหมือนเดิม

และ แม้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการ กนป. จะมีมติให้ดำเนินการโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มปี 2564-2565 โดยกำหนดราคาเป้าหมายเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา สำหรับปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันน้ำมัน 18%  กก.ละ 4 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ตั้งแต่เดือน ก.ย. 64-ส.ค. 65 ซึ่งได้ตั้งกรอบวงเงินไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท

แต่ มองว่า มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถดูแลได้ เพราะต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันในปีนี้ปรับสูงขึ้นมาจากการปรับขึ้นราคาปุ๋ย 100% ทำให้ชาวสวนมีต้นทุนอยู่ที่ กก.ละ5- 6 บาทแล้ว หากตั้งราคาเท่าเดิมเท่ากับ ทำให้เกษตรกรขาดทุนอยู่ กก.ละ 1-2 บาท

ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดการใช้ไบโอดีเซลบีเจ็ดเหลือบีห้าคาดว่าจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบลดลง 2% จากปกติที่มีปริมาณ 80,000 ถึง 100,000 ตันต่อเดือน

สำหรับสถานการณ์สต๊อกของน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีปริมาณลดลงเหลือเพียง 1.3 แสนตันจากสต๊อกเมื่อเดือนธันวาคมที่มีปริมาณ 1.62 แสนตัน เป็นผลมาจากความต้องการในการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นแต่หลังจากนี้ก็ต้องติดตามประเมินสถานการณ์สต๊อกน้ำมันปาล์มในเดือนมีนาคมว่าจะยังเหลือปริมาณเท่าใด กว่าผลปาล์มดิบจะออกสู่ตลาด

ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ประชุม กนป. รับทราบมติการประชุม กบง. ในการปรับสูตรลดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี7 หลือบี5 ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าใช้ดีเซลบี 5จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันปาล์มไม่มากนัก แต่อาจจะมีผลทางด้านจิตวิทยาบ้าง

ดังนั้น ทาง กนป. จึงได้มีการกำหนดมาตรการ เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาปาล์มปรับลดลงทั้งการใช้มาตรการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มอย่างต่อเนื่อง และการขยายมาตรการ ชดเชยการส่งออกน้ำมันปาล์มในกรณีที่ผลผลิตออกมาก ทำให้สต๊อกมีปริมาณมากกว่า 3 แสนตัน และราคาในประเทศปรับสูงกว่าราคาต่างประเทศ หากเข้าเกณฑ์ 2 เรื่อง จึงจะส่งออกได้