UBE ตั้งเป้าปี’65 โต 15% เดินหน้ารุกตลาดแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิก

UBE ตั้งเป้าปี’65 โต 15% เดินหน้ารุกตลาดแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิกต่อเนื่อง ลุยแผนลงทุน 1,550 ล้าน ปี’65-66 ดันยอดขายอีก 3 ปี เกิน 10,000 ล้านบาท

วันที่ 7 เมษายน 2565 นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัท ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้น 15%

โดยมาจากการจำหน่ายสินค้าประเภท High Value Product ในกลุ่มแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิก และแป้งฟลาวร์มันสำปะหลัง ซึ่งคาดจะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นราว 50%

เนื่องจากบริษัทได้เริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ภายใต้แบรนด์ Tasuko เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และแพ้กลูเตน (Gluten-free) สามารถใช้ประกอบอาหารและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่นเดียวกับแป้งสาลี ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี

และคาดว่าปีนี้ จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่องออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ภายใต้แนวคิด “Future Food เพื่อคน ทุก Gen” เช่น แป้งสำหรับทำขนมและเบเกอรี่ โดยจะวางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้

ซึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้เปิดตัวแป้งทำขนม เช่น คัพเค้ก เครป และเค้กกล้วยหอม ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายแล้ว

ทั้งนี้ ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 100% หรือมีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งงบสำหรับการลงทุนในปี 2565-2566 อยู่ที่ประมาณ 1,550 ล้านบาท โดยแบ่งงบประมาณ 550 ล้านบาท สำหรับขยายกำลังการผลิต การปรับปรุงคุณภาพในส่วนของแป้งมันสำปะหลังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล โดยจะเป็นลักษณะการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตแบบคอขวด (Debottleneck)

“คาดว่ารายได้ในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยมีการเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สู่ตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ประกอบกับความต้องการแป้งมันสำปะหลังทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีความต้องการสูง อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงจะมีปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้มีความต้องการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น

ส่วนเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม จะยังคงมีความต้องการที่ต่อเนื่อง จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้ของบริษัท ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และยังวางแผนที่จะขยายไลน์การผลิตแป้งฟลาวร์มันสำปะหลัง และแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีถัดไป


ทั้งนี้ บริษัทมุ่งปรับสัดส่วนกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง จากเดิม 19% ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2565 และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนในปีถัดไป เพื่อให้กลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในอนาคต