สุริยะ สั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี เซ่น “โรงงานแวกซ์ กาเบ็จ” ไฟไหม้

“สุริยะ” สั่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบ-บังคับใช้กฎหมาย เหตุเพลิงไหม้โรงงานรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี เร่งกำจัดของเสียตกค้างให้เสร็จใน 15 วัน ย้ำห้ามประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ พร้อมสั่งย้ายด่วนอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี ปฏิบัติงานนอกพื้นที่ทันที

วันที่ 17 มิถุนายน 2565 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่บูรณาการร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว เร่งตรวจสอบ-บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ให้โรงงานนำของเสียที่เกิดจากเพลิงไหม้ และของเสียที่ตกค้างในพื้นที่โรงงานส่งไปบำบัดหรือกำจัด ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน พร้อมทั้งกำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ทั้งปัญหาจากสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นมลพิษจากควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้ น้ำเสียที่เกิดจากการดับไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในพื้นที่ต้องไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ พร้อมสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี ออกไปปฏิบัติงานนอกพื้นที่

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้มอบหมายนายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี เพื่อหาสาเหตุและผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้อาคารโรงงานผลิตสี และโกดังจัดเก็บกากของเสีย โรงงานแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พร้อมสั่งการให้ศูนย์ตรวจวิเคราะห์ฯ ราชบุรี ตรวจวัดค่ามลพิษที่กระจายอยู่ในอากาศบริเวณโดยรอบโรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากควันพิษ โดยให้ตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณโดยรอบโรงงานทุกวัน จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีมลพิษจากเพลิงไหม้ตกค้าง

พร้อมกันนี้ได้แจ้งทีมงานดับเพลิงให้จัดทำแนวคันดินป้องกันมิให้น้ำและโฟมที่ใช้ในการดับเพลิงไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะโดยรอบโรงงาน พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำบริเวณรอบโรงงาน เพื่อทดสอบหาสารปนเปื้อนอย่างเข้มงวด เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่

โรงงานแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เป็นโรงงานที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการกำจัดและบำบัดของเสียอุตสาหกรรม ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง. 4) ทั้งหมด 9 ใบอนุญาต ประกอบด้วย การบดย่อยพลาสติก อัดเศษโลหะ และกระดาษ จำนวน 3 ใบอนุญาต การคัดแยกและฝังกลบของเสียไม่อันตราย จำนวน 1 ใบอนุญาต และรีไซเคิลสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว อีกจำนวน 5 ใบอนุญาต ซึ่งปัจจุบันโรงงานไม่มีการประกอบกิจการโรงงานหรือรับของเสียเข้ามาดำเนินการแต่อย่างใด และอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขนย้ายของเสียที่ยังตกค้างในพื้นที่ออกไปบำบัดหรือจำกัด

ล่าสุดได้รับรายงานว่า สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บและได้สั่งการตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562 ให้โรงงานเร่งนำของเสียที่เกิดจากเพลิงไหม้ และของเสียที่ตกค้างในพื้นที่โรงงานส่งไปบำบัดหรือกำจัด ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน

ทั้งนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงโรงงาน สามารถติดตามข้อมูลระดับมลพิษในอากาศบริเวณที่เกิดเหตุได้ ผ่านจอแสดงผลการตรวจวัดมลพิษที่ติดตั้งอยู่ที่รถตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่ปฏิบัติการตรวจวัดอยู่ในพื้นที่ และสามารถติดตามผลการตรวจวัดผ่านแอปพลิเคชั่น POMS บนโทรศัพท์มือถือได้แบบ Real time

โดยติดตั้งได้ทั้งระบบ IOS และ Android และเลือกดูผลการตรวจวัดจากรถตรวจวัดคุณภาพอากาศ (Mobile) ซึ่งจะแสดงผลการตรวจวัดค่าคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ค่าก๊าซไข่เน่า (H2S) โอโซน (O3) สารอินทรีย์ระเหยง่าย (โซเวนท์ : VOCs) และฝุ่น PM2.5 เพื่อเป็นการเฝ้าระวังแจ้งเตือนผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชนได้อย่างทันท่วงที