เอกชนจับคู่ซาอุปั๊มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง

ครึ่งปีหลัง ศก.ไทยหืดจับ กกร.หดเป้าจีดีพีโตไม่ถึง 3% ฝ่าวิกฤตพลังงาน-เงินเฟ้อโลก จี้รัฐดัน “ส่งออก-ท่องเที่ยว” ปั๊มชีพจรเศรษฐกิจ ด้านหอการค้าลุยจัด ไทย-ซาอุฯ บิสซิเนสแมตชิ่ง 6 ก.ค.นี้ ด้าน ส.อ.ท.มองโอกาสลงทุน BCG วางอนาคตอุตสาหกรรมยั่งยืนรับนักลงทุนอุตสาหกรรมใหม่

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมงาน ไทย-ซาอุดีอาระเบีย บิสซิเนสฟอรัม ซึ่งจัดขึ้นที่ไอคอนสยาม

โดยภายในงานนี้จะมี Krayem S. Alenezi สมาชิกหอการค้า The Riyardh Chamber of Commerce พร้อมด้วยตัวแทนภาคการค้า การลงทุนของซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมด้วย เพื่อสานต่อการทำงานเพื่อขยายมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง

จากที่ล่าสุดนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า กกร.ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัว 2.75-3.5% จากเดิมที่ 2.5-4.0% ผลจากปัจจัยเสี่ยงจากความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน กระทบราคาพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนั้น เศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวอย่างมากจากนโยบาย Zero COVID Policy และอาจฟื้นตัวได้ช้าแม้รัฐบาลจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย

อย่างไรก็ตาม กกร.ยังประเมินว่า มูลค่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัว 5.0-7.0% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 5.0-7.0% ขณะที่ให้กำลังซื้อของภาคครัวเรือนลดลง และต้นทุนของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กกร.เสนอให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนใน 3 ด้าน คือ ขอให้เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนร่วมกับภาคเอกชน (PPP) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้

และขอให้พิจารณาปรับราคากลางจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เหมาะสม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการ เนื่องจากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ปรับราคาสูงขึ้นกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้มาก และขอให้อำนวยความสะดวกธุรกิจภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังเพิ่มเติมจากการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวกว่า 80%

นายนิลสุวรรณ ลีลารัศมี รองประธาน ส.อ.ท. และกรรมการบริหาร บริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด (ยาหม่องตราถ้วยทอง) มองว่า ครึ่งปีหลังภาคการส่งออกโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารมีโอกาสจะเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบียได้มีการหารือถึงการร่วมลงทุนกับไทย ผลักดันไทยเป็นฐานการผลิตอาหารส่งให้กับซาอุฯ เพราะไทยมีศักยภาพและวัตถุดิบจำนวนมาก และไทยมีโอกาสจะเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารโลกได้

เกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
เกรียงไกร เธียรนุกุล

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมครึ่งปีหลัง 2565 มีแนวโน้มสัญญาณของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว และพระเอกหลักคือภาคการส่งออกโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร ทำเงินได้สูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท โตจากปีก่อน 20% แม้ว่าอุตสาหกรรมอื่นจะแผ่ว

“ตอนนี้เอกชนส่วนใหญ่ต่างมองไปในทางเดียวกันเริ่มวางนโยบายการผลักดันเรื่อง BCG หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว ซึ่งขณะนี้ทุกภาคเริ่มปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจเตรียมความพร้อมเรื่องนี้มากขึ้น ในที่สุดแล้วประเทศไทยก็จะได้ทั้งอุตสาหกรรมและได้เดินไปสู่คาร์บอนต่ำ”

นายวีรชัย มั่นสินธร ประธานสถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน ส.อ.ท. และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุตสาหกรรมไทยบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์ BCG จะช่วยให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เติบโต เมื่อเอกชนเดินหน้ามีความพร้อมด้าน BCG แล้ว จะสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น

ก่อนหน้านี้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงาน FTI EXPO 2022 ว่า ไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ ภายใน 1-2 เดือนนี้จะมีกลุ่มนักลงทุนจากตะวันออกกลางเดินทางเข้ามา ตามมาด้วยนักลงทุนจากอเมริกาต้นปี 2566 ซึ่งรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ในการหารือความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อขยายโอกาสให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมเป้าหมาย