“สุวิทย์” แจงงบอว.ปี63 กว่า 4.9 หมื่นล้าน Re-skill Up-skill สู้เทคโนโลยีดิสรัปชั่น-คนตกงาน

สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อว. แจงสภา อว.เร่งพัฒนาคนทั้งการศึกษา ในและนอกระบบ รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
 
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งได้รับการจีดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ63 จำนวน 49,037,823,700 บาท ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า ภารกิจของอว. คือ การเตรียม ประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 โดยมีภารกิจสําคัญสามเรื่อง คือ การสร้างและพัฒนาคน การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ และการสร้างและพัฒนานวัตกรรม เรื่องการสร้างคน ภารกิจ อว. ไม่ได้เน้นการผลิตบัณฑิตอย่างเดียวแล้ว ซึ่งการผลิตบัณฑิตแต่ละปี ประมาณ 2.5 ล้านคน แต่ต้องขยายไปถึงคนที่อยู่ในการทํางาน จําเป็นต้อง Re-skill Up-skill เพราะโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน แรงงานที่มีอยู่อาจตกงาน และต้องมีการเปลี่ยนงานมากกว่า 38 ล้านคน ประเด็นที่หลายท่าน ได้อธิบายไปแล้วเรื่องคนสูงวัยนั้น ภารกิจ อว. คือ การทํางานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อการศึกษาและเรียนรู้ ของคนสูงวัยจํานวน 11 ล้านคน บทบาทนี้ไม่เพียงแต่การศึกษาเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต อีกประเด็น หนึ่งซึ่งมีสมาชิกบางท่านห่วงใยเรื่องการเปิดหลักสูตรจํานวนมาก ซึ่งหลักสูตรจํานวนหนึ่งเป็นหลักสูตรที่ตอบ โจทย์อาชีพ เช่น บัณฑิตพันธุ์ใหม่ ไม่เพียงแต่การเรียนการสอนในระบบ Degree แต่มี Non-degree ด้วย
 
นอกจากนี้เรื่องการสร้างองค์ความรู้ การลงทุนวิจัยและพัฒนา 5 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วน 0.48% ต่อ GDP วันนี้ ได้ขยับขึ้นเป็น 1.1% ต่อ GDP และจะเพิ่มขึ้นไปต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปี ควรขยับจาก 1.1% เป็น 1.5% ต่อ GDP หรือ 280,000 ล้านบาท ซึ่งงบวิจัย 80% จะมาจากเอกชน เป็นตัวคูณสมทบเพิ่มไปอีก 4-5 เท่า ของงบ วิจัยภาครัฐ 24,000 ล้านบาท
 
ส่วนประเด็นคําถามที่ว่างานวิจัยจะไปสู่จุดไหนนั้น จากเดิมเป็นเบี้ยหัวแตก ต่างคนต่างทํา แต่ อว. มุ่งเน้นว่าการวิจัยต้องตอบโจทย์ประเทศ โจทย์เอกชน โจทย์จากชุมชน โดยแบ่งงานเป็น 4 ส่วน คือ 1) การ พัฒนาคน (Brain power และ Man power) 2) การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 3) การลดความเหลื่อมล้ํา พัฒนาพื้นที่ ให้ความสําคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และ 4) การวิจัยตอบโจทย์ท้าทายสังคม เช่น ปัญหาขยะ ภาวะ โลกร้อน ซึ่งได้แบ่งเป็น 16 โปรแกรม
 
ซึ่งจุดสําคัญคือ งานวิจัยต้องมีเป้าหมาย นายกรัฐมนตรีจึงเน้นเศรษฐกิจ BCG ซึ่งรวมด้านเกษตร
อาหาร การแพทย์ สุขภาพ พลังงาน วัสดุชีวภาพ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เน้นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างมูลค่า ได้ 3.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 21% GDP และจะขยับเป็น 4.4 ล้านล้านบาท ใน 3-4 ปีข้างหน้า ประชาชน 18 ล้านคน จะได้ประโยชน์ เช่น จากการยกระดับเกษตรกรเป็น Smart farming การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้าง งานเพิ่มขึ้น รายได้เกษตรกร เพิ่มขึ้น
 
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่จะเรียนเพิ่มเติมคือ อว. ขับเคลื่อนงานรองรับโดยการยกเครื่องมหาวิทยาลัย ภารกิจที่ผ่านมา คือ การเดินหน้าปลดล็อกข้อจํากัดของมหาวิทยาลัย แบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 Track หรือ ลู่วิ่ง มหาวิทยาลัย จะตอบตัวเองว่าจะวิ่งลู่ไหน ลู่วิ่งที่ 1 มหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้แข็งนานาชาติ/ระดับโลก ลู่วิ่งที่ 2 มหาวิทยาลัยซึ่งเน้นเทคโนโลยีและภาคอุตสาหกรรม ลู่วิ่งที่ 3 ซึ่งต่อไปจะมีความสําคัญมาก คือ มหาวิทยาลัย เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่