AMARC เคาะราคา IPO 2.90 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 5-7 ต.ค. เทรด 19 ต.ค.นี้

หุ้น ภาษี เงินบาท

AMARC เคาะราคาไอพีโอ 2.90 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 5-7 ต.ค.นี้ ปักธงเทรด mai 19 ต.ค. 65 มั่นใจศักยภาพการเติบโต ชูจุดเด่นมอง AMARC เป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านการบริการทางวิทยาศาสตร์ ด้านเกษตร อาหาร ยา ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร แต่งตั้ง “โนมูระ-เคจีไอ” ลีดอันเดอร์ไรท์เตอร์

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 นายวิศรุต อังศุภากร ผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ในการเสนอขายหุ้นสามัญพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย หรือ AMARC เปิดเผยว่า กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคา 2.90 บาท/หุ้น เปิดให้จองซื้อในวันที่ 5-7 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 19 ต.ค. 65 ในหมวดธุรกิจบริการ (service) ในชื่อหลักทรัพย์ว่า “AMARC”

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.90 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 45.72 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564-30 มิ.ย. 2565) ปัจจุบันธุรกิจการให้บริการทางวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยมีผู้ให้บริการจำนวนน้อยราย แต่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งด้านราคาและคุณภาพของการให้บริการ ซึ่งคู่แข่งของบริษัทมีทั้งห้องปฏิบัติการของภาครัฐ และบริษัทต่างประเทศที่มีขนาดของธุรกิจใหญ่กว่าบริษัท

อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการแต่ละรายมีขอบเขตธุรกิจและการให้บริการแตกต่างกัน โดยอาจมีความทับซ้อนกับบริษัทที่เน้นในกลุ่มธุรกิจเกษตรอาหารเพียงบางส่วนเท่านั้น

โดย AMARC มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น เป็นหุ้นศูนย์แล็บที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีฐานลูกค้า หลัก ประกอบด้วยเกษตรกรเพาะปลูก ประมง และปศุสัตว์ ผู้ผลิต โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานแปรรูป ผู้จัดจำหน่าย และผู้ส่งออก ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาหาร และยา ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย จนถึงบริษัทชั้นนำของประเทศ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ เป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

ความน่าสนใจของ AMARC คือ ในด้านความมั่นคงและชื่อเสียง จากการเป็นผู้ให้บริการทางวิทยาศาสตร์มายาวนานกว่า 18 ปี มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยได้รับการควบคุมคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทดสอบ ตรวจสอบ และรับรอง แบบ Comprehensive Supply Chain Service สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร

นอกจากนี้ AMARC มีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% และมั่นใจว่า AMARC จะเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในระยะยาว

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) AMARC มีรายได้รวม 198.04 ล้านบาท 220.19 ล้านบาท และ 248.55 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 18.19 ล้านบาท 28.43 ล้านบาท และ 24.86 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.19%,12.91% และ 10.00% ตามลำดับ นอกจากนี้อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2562-2564 ของรายได้รวมและกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 12.03% และ 16.91% ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย. 65) บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 131.64 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 12.70 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.65%

ดร.ชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ AMARC กล่าวว่า AMARC ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จํากัด และบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 332.10 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้สำหรับการจัดซื้อเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล ให้เป็นที่รู้จักของผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต

“มั่นใจว่าภาพรวมอุตสาหกรรมจะยังขยายตัวได้อีกมาก โดยจะนำจุดเด่นของ AMARC ที่โดดเด่นในด้านความมั่นคงและชื่อเสียง จากการเป็นผู้ให้บริการทางวิทยาศาสตร์มายาวนานกว่า 18 ปี มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยได้รับการควบคุมคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทดสอบ ตรวจสอบ และรับรอง แบบ Comprehensive Supply Chain Service สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้ให้บริการจากลูกค้า สามารถรักษาฐานลูกค้ารายเดิมในอัตราที่สูง”