ครม.อนุมัติ การรถไฟฯ กู้อีก 15,200 ล้าน เสริมสภาพคล่อง

การรถไฟ-คืนตั๋ว

ครม.อนุมัติ การรถไฟฯ กู้เงิน 15,200 ล้านบาท เสริมสภาพคล่อง ลงทุน จ่ายบำเหน็จ-บำนาญ 8 ปี กู้แล้ว 88,905 ล้านบาท

วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 15,200 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้นวงเงิน 1,500 ล้านบาท

โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลวงเงินกู้ระยะสั้นตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดตามความเหมาะสม

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า โดยรฟท.จะกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว

โดยที่ผ่านมาครม.มีมติเห็นชอบให้รฟท.ดำเนินการกู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องและเงินกู้ระยะสั้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา รฟท.ได้ขอกู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องรวมแล้วจำนวน 88,905 ล้านบาท

“กระทรวงคมนาคมรายงาน ว่า รฟท.ประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2566 รฟท.คาดการณ์ว่าจะมีเงินสดรับ 59,320 ล้านบาท และเงินสดจ่าย 74,620 ล้านบาท โดยมีเงินสดยกมาจากปี 2565 จำนวน 100 ล้านบาท

ส่งผลให้รฟท.ขาดเงินสดไว้ใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 15,200 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องกู้เงินจำนวนดังกล่าว เพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงาน การลงทุน การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ และการชำระหนี้เงินกู้ โดยคาดว่ารฟท.จะเริ่มขาดเงินในช่วงเดือนตุลาคม 2565” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

น.ส.ไตรีศุลีกล่าวว่า สำหรับเงินวงเงินกู้ระยะสั้น 1,500 ล้านบาท จะเป็นวงเงินสำรองสำหรับกรณีที่ต้องมีการใช้จ่ายเร่งด่วน เนื่องจากปัจจุบัน ร.ฟ.ท. มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการต้องบริหาร ขณะที่รายจ่ายด้านต่างๆ อาทิ การบำรุงรักษาทาง อาณัติสัญญาณ รถจักรล้อเลื่อนและการบริหารต่างๆ ยังคงเดิม แต่ ร.ฟ.ท. ยังมีภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องและอาจประสบภาวะเงินสดขาดมือในบางช่วง

จึงจำเป็นต้องเปิดวงเงินกู้ระยะสั้นในกรอบ 1,500 ล้านบาทข้างต้น สำหรับการสำรองเงินให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย การดำเนินงานต้องกระทบกระเทือนหรือหยุดชะงัก