เงินเฟ้อสหรัฐสูง เก็งกำไรหุ้นแบงก์

เงินเฟ้อสหรัฐ
คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา (10-12 ต.ค. 65) ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการแค่ 3 วัน

โดย “ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวม SET Index สัปดาห์ที่ผ่านมา แกว่งตัวลง มูลค่าการซื้อขายเบาบาง คาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ น่าจะยัง wait & see เพื่อรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ย. ก่อนที่จะประกาศ

ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ข้างหน้านี้ (17-21 ต.ค.) คาดว่า การเคลื่อนไหว จะมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ที่ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐาน โดยแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,515 จุด และ 1,500 จุด แต่คาดว่าไม่น่าจะทำจุดต่ำสุดใหม่ (new low) ในรอบนี้ เพราะเชื่อว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยดูดีและแข็งแกร่งกว่าในต่างประเทศ ส่วนแนวต้านประเมินที่ 1,600 จุด

เนื่องจาก 1.กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ GDP โลก แต่ประเทศในฝั่งเอเชียรวมถึงไทยที่คาด GDP ปี 2566 โตกว่า 3% ซึ่งสูงกว่าในฝั่งสหรัฐและยุโรปที่ IMF มองว่าน่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดังนั้น การเติบโตด้วยเศรษฐกิจที่สูงกว่าน่าจะทำให้ดาวน์ไซด์ตลาดหุ้นไทยจำกัด

2.ยังเห็นเทรนด์การปรับกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาด และ GDP และ 3.โอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไทยยังต่ำ

“ปัจจัยที่ต้องติดตามและให้น้ำหนักในสัปดาห์นี้ คือ การประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งล่าสุด TISCO ประกาศงบออกมาไส้ในดูดี สินเชื่อกลับมาโตครั้งแรกในรอบหลายไตรมาส จึงน่าจะเป็นการเก็งกำไรในกลุ่มแบงก์ หุ้นเด่น ได้แก่ SCB, BBL เพราะกำไรน่าจะโตทั้งเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า และแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่ายังปรับตัวลงต่อ”

นอกจากนี้ กลยุทธ์ลงทุนช่วงตลาดปรับฐาน ต้องกลับมา selective หุ้นปลอดภัย (defensive) เช่น BEM, ADVANC และหุ้นโรงพยาบาล BDMS และหากการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันที่ 16 ต.ค. มีการผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID เปิดให้คนจีนออกนอกประเทศ หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่ EKH, D, SCGP, JWD