ตลท.เล็งส่งข้อมูลหลักฐาน ก.ล.ต. ตรวจสอบหุ้น MORE อาจเข้าข่าย “ปั่นหุ้น”

มอร์ MORE

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยเตรียมส่งข้อมูลให้ ปอศ.-ปปง. ตรวจสอบ “ฉ้อโกง” กรณี “หุ้น MORE” บ่ายนี้ พร้อมเร่งรวบรวมหลักฐานส่ง ก.ล.ต. ตรวจสอบอาจเข้าข่าย “ปั่นหุ้น” ด้วย ปัดตอบเคส ก.ล.ต.ให้ AWS หยุดประกอบธุรกิจชั่วคราวเอี่ยวหุ้น MORE ย้ำเดินหน้าล้อมคอกจุดอ่อนสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แถลงข่าวร่วมกับนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ถึงกรณีการระงับการประกอบธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่าได้สั่งให้ บล.เอเชีย เวลท์ หรือ AWS หยุดการประกอบธุรกิจเป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบว่าบริษัทนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยลูกค้าไม่ได้มีคำสั่งหรือยินยอม

ซึ่งจากคำสั่งของ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสั่งระงับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจาก AWS เป็นการชั่วคราว ในส่วนของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็จะอนุญาตให้เฉพาะคำสั่งซื้อขายที่เป็นการล้างสถานะที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้ จนกว่าสำนักงาน ก.ล.ต.จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น ในส่วนของหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นกับ AWS ได้ แต่ผู้ลงทุนสามารถขอโอนหุ้นที่ฝากกับ AWS ไปฝากยังบัญชีของตนที่เปิดกับโบรกเกอร์อื่นเพื่อซื้อขายต่อได้ กรณีไม่มีบัญชีที่โบรกเกอร์อื่นสามารถโอนเข้าบัญชี Issuer Account (600) ที่ TSD ได้ และเมื่อเปิดบัญชีที่บริษัทหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วก็สามารถที่จะโอนหุ้นจากบัญชี 600 ไปซื้อขายต่อไป

ในส่วนของอนุพันธ์ ลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อปิดสถานะได้เท่านั้น ไม่สามารถเปิดสถานะได้ หากลูกค้าปิดสถานะแล้ว ลูกค้าก็สามารถที่จะขอถอนหลักประกันออกไปได้ตามปกติ กรณีลูกค้าไม่ประสงค์จะปิดสถานะ แต่ต้องการโอนไปซื้อขายต่อที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ตนมีบัญชีอยู่ก็สามารถแจ้งต่อบริษัทหลักทรัพย์ได้เช่นกัน

“เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุเฉพาะรายบริษัทหลักทรัพย์ AWS เท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์อื่นยังให้บริการตามปกติ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ มีการติดตามฐานะการเงินของบริษัทหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด” นายภากรกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องการสอบถาม สามารถติดต่อ Call Center ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ที่เบอร์ 0-2000-9999
ส่วนกรณี AWS ที่เกิดขึ้น ปัญหาเกิดจากการนำเงินไปชำระค่าหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE หรือไม่นั้น นายภากรกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่สามาถตอบได้ โดยกรณีหุ้น MORE นั้น

ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานของทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในคดีที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง ซึ่งทางบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ที่เป็นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้

“การดำเนินการเกี่ยวกับคดีฉ้อโกง จะเป็นในส่วนของตำรวจและ ปปง. ส่วนคดีที่เกี่ยวกับการปั่นหุ้นจะเป็นในส่วนของ ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าบ่ายนี้จะสามารถส่งข้อมูลให้ ก.ล.ต.ได้” นายภากรกล่าว

นายภากรกล่าวอีกว่า กรณีหุ้น MORE ที่เกิดขึ้นนั้น ย้ำอีกครั้งว่า ไม่ใช่เคสใหญ่ เมื่อเทียบมาร์เก็ตแคปของบริษัทที่มีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท กับมาร์เก็ตแคปของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีถึง 20 ล้านล้านบาท แต่เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องการโกง และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายโบรกฯเตรียมตัวรับมือไม่ทัน


“อยากให้นักลงทุนและประชาชนมีความมั่นใจในระบบตลาดทุนของไทย ทุกสิ่งที่ทำมาในอดีต มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอน มีบางอย่างที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ จะใช้เหตุการณ์นี้เป็นจุดที่ปรับปรุงให้ตลาดเข้มแข็งขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและอนาคต ขอให้ติดตามว่า ตลท.และสมาคมจะทำอะไรต่อไป” นายภากรกล่าว