คุยกับซีอีโอ จิตตะ เวลธ์ ปมข่าวร้อนตลาดหุ้นเวียดนาม

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

ข่าวลือสะพัดเกี่ยวกับการควบรวมตลาดหุ้นฮานอย (Hanoi Stock Exchange : HNX) กับตลาดหุ้นโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Stock Exchange : HOSE) ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม ร่วงลงแรงในช่วงที่ผ่านมา “ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ จำกัด ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามต่อไปในระยะข้างหน้า

ตลาดตื่นข่าวลือหุ้นร่วงแรง

โดย “ตราวุทธิ์” เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นเวียดนาม ช่วงวันที่ 7-11 พ.ย. ร่วงหนักลงมาทำสถิติต่ำสุดในรอบปีอีกครั้ง ทำให้ดัชนี Vietnam Stock Index (VNI) ปรับตัวลงแตะระดับ 947 จุด หรือลดลงมา 36.78% จากข่าวลือว่าตลาดหุ้นเวียดนามอาจถูกถอนออกจากสมาชิกสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ หรือ WFE จนเกิดแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ และอีกประเด็นจากความกังวลปัญหาหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยในประเด็นแรก มองว่าเป็นเรื่องของความผิดพลาดทางการสื่อสาร ระหว่างขั้นตอนของการควบรวมตลาดหุ้นเวียดนาม ทั้ง 2 แห่งคือ HOSE กับ HNX เพื่อรวมเป็ตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม (Vietnam Stock Exchange) จากนั้นจะนำตลาดหลักทรัพย์ใหม่นี้ เข้าเป็นสมาชิก WFE แทน

ขณะที่ราคาหุ้นอสังหาฯที่ร่วง ส่วนหนึ่งมาจากการถูก margin call จากโบรกเกอร์ ทำให้นักลงทุนต้องเทขายหุ้นที่มีอยู่ ไม่ว่าหุ้นตัวนั้นจะมีพื้นฐานดีหรือแย่ รวมถึงการเข้ามาควบคุมการออกตราสารหนี้ของภาครัฐมากขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา

“หากวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนในตลาดชายขอบ มักจะมีการตื่นตระหนก (panic) มากกว่าตลาดประเทศพัฒนาแล้ว หรือตลาดเกิดใหม่ ดังนั้นข้อมูลบางส่วนอาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นฐานบริษัทจริง แต่ด้วยความกังวลและความกลัวทำให้ตลาดปรับลดลงมากกว่าที่ควรจะเป็น”

ระยะยาวภาพยังสดใส

โดยประเด็นที่เกิดขึ้นกับธุรกิจกองทุนรวม หลังจากที่ตลาดหุ้นโฮจิมินห์ต้องออกจาก WFE จนส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไม่สามารถลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามได้นั้น “ตราวุทธิ์” กล่าวว่า ประเด็นนี้นักลงทุนคงต้องรอติดตาม แต่ในส่วนของ บลจ.จิตตะ เวลธ์ ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว เนื่องจากนโยบาย Jitta Ranking Vietnam และ Thematic หุ้นเวียดนามของบริษัท ไม่เข้าข่ายกองทุนรวมที่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และไม่กระทบแม้ตลาด HOSE จะถูกถอดออกจาก WFE

นอกจากนี้ การที่ HOSE ถูกถอดออกจาก WFE เป็นเรื่องทางเทคนิคเท่านั้น หากทั้ง 2 ตลาดดำเนินการควบรวมแล้วเสร็จ ก็จะกลับเข้าไปเป็นสมาชิก WFE ในที่สุด

“มองในระยะยาวตลาดหุ้นเวียดนาม ยังมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ต่อเนื่อง เนื่องจากเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจเราจะพบว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจเวียดนามยังคงแข็งแกร่ง โดยหากมองที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ของเวียดนามในไตรมาส 3 ปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่าเติบโตได้ถึง 13.7% และในช่วง 9 เดือนแรก ขยายตัว 8.83%

ขณะที่สถาบันการเงินระดับโลกก็มีมุมมองบวกต่เศรษฐกิจเวียดนาม ทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ที่ได้ปรับเพิ่มประมาณการ GDP เวียดนาม ปี 2565 จาก 6% เป็น 7%”

ตราวุทธิ์กล่าวว่า หากย้อนดูในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่โลกเผชิญกับโควิด-19 แต่หุ้นเวียดนามยังปรับขึ้นแรงตลอด โดยสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 14.87% ในปี 2563 และเพิ่มขึ้น 35.73% ปี 2564 ดังนั้น ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามที่ปรับลดลงมาในเวลานี้ ทำให้มูลค่าหุ้นที่แท้จริงปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าลงทุน โดยอัตราส่วน P/E ลดลงมาเหลือเพียง 12.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 16.9 เท่า ถือเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีซื้อขายกันที่มูลค่าต่ำเมื่อเทียบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจและศักยภาพการเติบโตในอนาคต

“ยังมีความเป็นไปได้ว่า เวียดนามอาจถูกจัดอันดับจากประเทศชายขอบ (frontier market) ขึ้นไปเป็นประเทศเกิดใหม่ (emerging market) ในอนาคต ซึ่งจะเข้ากฎเกณฑ์การลงทุนของกองทุนนานาชาติ จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้น”

แนะลงทุนหุ้นโตล้อเศรษฐกิจ

ดังนั้น การลงทุนจังหวะในตลาดหุ้นเวียดนาม จังหวะนี้จึงถือเป็นช่วงที่ดีที่จะสามารถเลือกลงทุนในหุ้นคุณภาพดีได้ โดยหุ้นเด่นในตลาดหุ้นเวียดนามนั้น ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะหุ้นที่มีโอกาสเติบโตล้อไปกับพื้นฐานเศรษฐกิจหากพิจารณาจากตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมคลังสินค้าและโลจิสติกส์ของเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ

ซึ่งหุ้นเด่นในอุตสาหกรรมนี้อย่าง Dong Nai Port Joint Stock Company มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนต่างชาติและส่งออก บริษัทให้บริการด้านท่าเรือ คลังสินค้าและโลจิสติกส์ รายได้ 12 เดือนล่าสุดโตกว่า 21% และมีอัตราส่วน P/E อยู่เพียงแค่ 10.85 เท่า ต่ำสุดในรอบหลายปี

นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างชาติที่มากขึ้นในอนาคต จะเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคอย่าง Thac Ba Hydropower Joint Stock Company ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนในจังหวัด เอียน บ๊าย Yen Bai สามารถสร้างการเติบโตในด้านรายได้และกำไรที่โดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เติบโตสูงถึง 23% และมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 41% อีกทั้งยังมีมูลค่าหุ้นที่ถือว่าค่อนข้างต่ำมาก โดยมีอัตราส่วน P/E อยู่ที่เพียง 6.91 เท่า

“ปัจจัยลบที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นเวียดนามตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไม่ได้กระทบพื้นฐานตลาดหุ้นมากนัก ดังนั้นนักลงทุนสามารถใช้โอกาสที่ตลาดหุ้นยังผันผวนอยู่เช่นนี้ ปรับกลยุทธ์ลงทุนให้เหมาะสม เพื่อรับโอกาสการเติบโตในอนาคตได้ ด้วยการเพิ่มทุนเพื่อเฉลี่ยต้นทุนในพอร์ตให้ลดต่ำลง หรือทยอยลงทุนหลาย ๆ ครั้งในช่วงตลาดหุ้นผันผวน เพื่อสะสมหุ้นในช่วงที่ตลาดขาลงได้ ซึ่งจะช่วยเฉลี่ยต้นทุนได้” ซีอีโอ “จิตตะ เวลธ์” กล่าว