เศรษฐา ทวีสิน เชียร์เก็บภาษีขายหุ้น “ผิดหวัง” ที่เก็บน้อยเกินไป

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

เศรษฐา ทวีสิน คนดังวงการอสังหาฯ ถูกจับตาว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เชียร์เก็บภาษีขายหุ้น แต่ยัง “ผิดหวัง” ที่เก็บน้อยเกินไป

วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กระแสนักลงทุนรายย่อย และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ภายใต้สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ออกมาคัดค้านมาตรการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้น หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2565 ให้กระทรวงการคลังจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ (หุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยช่วงแรกจัดเก็บที่อัตรา 0.055% (รวมภาษีท้องถิ่น) จนถึงสิ้นปี 2566 และปีต่อ ๆ ไปจัดเก็บที่อัตรา 0.11% (รวมภาษีท้องถิ่น)

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการเก็บภาษีขายหุ้นผ่านทวิตเตอร์ Srettha Thavisin @Thavisin มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นสนับสนุนมาตรการเก็บภาษีขายหุ้น

โดยได้ทวิตข้อความล่าสุดเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) ว่า “หรือเราจะแค่กลัวตลาดทุนเราแข่งขันกับเพื่อนบ้านไม่ได้ เพราะภาษีหุ้น ? หรือเราจะกลัวนักลงทุน 3 ล้านคน ไม่พอใจ ? อย่ามองแค่มุมนี้มุมเดียว เพราะภาษีที่เก็บจากผู้มีรายได้ คือความถูกต้องของกลไกที่จะสร้างความเท่าเที่ยมเสมอภาคให้กับเศรษฐกิจสังคมของคนไทย 70 ล้านคน”

ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐาทวีตเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ ครม.เห็นชอบว่า “ผมพูดไว้ในหลาย ๆ เวทีว่าภาษีขายหุ้นต้องทำ ผิดหวังเล็กน้อยกับอัตราเปอร์เซ็นต์เก็บ ควรซัก 0.25%, ตลาดหลักทรัพย์ฯช่วงบ่ายไม่แคร์กับข่าว ขึ้นต่อเนื่อง คนเขาจะลงทุนในตลาดที่ดี ภาษีแค่นี้ไม่ใช่ประเด็นครับ”

หรือที่ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ออกมาระบุว่าเก็บภาษีหุ้นช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม นายเศรษฐาก็ตอบประเด็นนี้ว่า “เก็บมันก็ต้องเก็บครับ ไม่มีเวลาที่เหมาะไม่เหมาะ อย่าเลื่อนเลย คนที่จ่ายคือชนชั้นกลางขึ้น เอาเงินที่เก็บได้ไปใช้ให้ถูกต้องให้กลุ่มคนที่อ่อนแอ ลดความเหลื่อมล้ำ ผมว่ายังเก็บน้อยไปนิด ตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้ตอบสนองในแง่ลบ กล้า ๆ ทําในสิ่งที่ถูกต้องดีแล้วครับ อาจไม่ถูกใจทุกคน”


รวมถึงที่โพสต์ว่า การกล้าจะเก็บภาษีขายหุ้นของรัฐบาลถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะลดความเหลื่อมล้ำในดวงใจคนที่อ่อนแอ ถ้าเงินนั้นนํามาลดช่องว่างของคนมีกับคนไม่มี รัฐบาลต่อ ๆ ไปก็ต้องเก็บภาษีจากคนที่มีมากต่อไป เพื่อรักษาวินัยการเงินของประเทศในการใช้งบประมาณต่อไปครับ ขอให้ช่วยกันมองผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก