ตลาดมั่นใจเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หนุนหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้น 1,680-1,695 จุด

ตลาดหุ้น

บล.กรุงศรี ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) แกว่งตัว 1,680-1,695 จุด มั่นใจเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวหนุนดัชนี จับตา กนง.ขึ้นดอกเบี้ยพรุ่งนี้ตลาดคาด 0.25% หุ้นเด่นวันนี้ SCB, CPALL

วันที่ 24 มกราคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) แกว่งตัว 1,680-1,695 จุด ภาวะตลาดได้บรรยากาศ (sentiment) บวกจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า รวมถึงแรงเก็งกำไรหุ้นที่มีข่าวรายตัว เช่นกลุ่มงบไตรมาส 4/65 เติบโต, กลุ่ม Tech อย่างไรก็ตาม เม็ดเงิน (Fund flow) ต่างชาติที่เริ่มชะลอตัว รวมถึงแรงขายตามสัญญาณเทคนิคจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

สำหรับประเด็นสำคัญวันนี้

นักลงทุนมั่นใจเกือบ 100% คาด FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% : FED Meeting จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 99.8% คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วหลังจากที่ดัชนี CPI และ PPI เดือน ธ.ค. ลดลงมากกว่าที่คาดไว้

กลุ่มธนาคาร-พรุ่งนี้ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% : เราคงมุมมองเดิมโดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1.5% โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลง หลังจากที่เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 5.89% จาก 5.55% ในเดือน พ.ย.

คาดตัวเลขส่งออกไทยเดือน ธ.ค. เสี่ยงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 : เบื้องต้น Consensus คาดตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ธ.ค. คาดว่าจะหดตัว 11.5%yoy แย่ลงเมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.ที่หดตัว 6%yoy นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เป็นผลจาก ศก.ของกลุ่มประเทศคู่ค้าชะลอตัวโดยเฉพาะจีน

ทั้งนี้ บล.กรุงศรี แนะนำหุ้นเด่นวันนี้

– SCB (ปิด 107 ซื้อ/เป้า 160 บาท) เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY23-24 ของ SCB ขึ้น 6-7% เนื่องจากเราปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM ขึ้นจาก 3.1% เป็น 3.6% ขณะที่สินเชื่อเติบโตดี ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโตแข็งแกร่งราว 37%yoy

– CPALL (ปิด 69.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 74.5 บาท) คาดจะได้ประโยชน์จากกลุ่มกรุ๊ปทัวร์จีนช่วยหนุนยอดขายของ 7-11 โดยเฉพาะกลุ่มสาขาที่อยู่ตามโซนพื้นที่ท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ก่อนโควิดมีสัดส่วนลูกค้าจีนคิดเป็น 5% ของรายได้รวม)