กอบศักดิ์ ชี้เอฟเฟ็กต์ควบรวม UBS ผู้ถือหุ้นกู้ AT1 เครดิตสวิสแห่เทขาย

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล

ดร.กอบศักดิ์ ชี้เอฟเฟ็กต์ควบรวมกิจการเครดิต สวิสของยูบีเอส กรุ๊ป เอจี ผู้ถือหุ้นกู้ AT1 เครดิตสวิสแห่เทขายเหตุนักลงกังวลหุ้นกู้ถูกลดมูลค่าเป็นศูนย์ คาดเป็นแรงผันผวนในตลาดระยะสั้น

วันที่ 21 มีนาคม 2566 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า  สิ่งที่ทางธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์เลือกทำเพื่อต้องการจัดการปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในระบบคือใช้วิธีหาธนาคารที่มีความเข้มแข็งอย่างธนาคารยูบีเอส (UBS)  เข้ามาช่วยเหลือธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse)

ด้วยการตกลงเข้าซื้อกิจการของธนาคารเครดิตสวิส ด้วยวงเงิน 3,250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อดำเนินการเข้าซื้อธนาคารเรียบร้อยก็มีประเด็นต่อมาว่าหุ้นกู้ AT1 ของทางธนาคารเครดิตสวิสที่มีการปรับลดมูลค่าหุ้นกู้จากมูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์ลงมาให้เหลือศูนย์

ตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นไปตามแผนการควบรวมกิจการเครดิต สวิสของยูบีเอส กรุ๊ป เอจี (UBS Group AG)  ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นกู้ AT1 จะสูญเสียเงินทั้งหมด ทำให้เกิดความกังวลและความผันผวนที่เกิดขึ้น  และทำให้เกิดแรงเทขายออกมา

ในส่วนตรงนี้ประเมินว่าไม่น่ามีผลกระทบต่อประเทศไทย เพราะว่าธนาคารของไทยยังมีการดำเนินงานที่เข้มเเข็ง มีฐานะทางการเงินและสภาพคล่องที่ยังดี เพราะฉะนั้นประเทศไทยน่าจะผ่านปัญหาหรือปัจจัยจากภายนอกเหล่านี้ไปได้ แต่ความผันผวนพวกนี้จะเกิดขึ้นไปอีกสักระยะหนึ่ง

เพราะเมื่อเกิดขึ้นกับธนาคารหนึ่งแห่งบนโลก ก็จะมีคำถามที่ตามมาว่าจะมีธนาคารไหนที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกจึงทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนบางอย่างและเกิดความผันผวนในระยะสั้น แต่เชื่อว่าปัญหาจะค่อย ๆ คลี่คลายลง  ซึ่งหลังจากที่ปัญหาคลี่คลายลงต้นทุนในการออกหุ้นกู้ก็จะสูงขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงตอนนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนรับรู้แล้วว่าอาจจะไม่ได้เงินคืนถ้าหากเกิดวิกฤต ซึ่งอนาคคตก็อาจจะมีวิกฤตที่รออยู่ข้างหน้า

” ขณะที่หุ้นธนาคารที่มีการปรับตัวลดลง ไม่อยากให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากนัก  เนื่องจากว่าการปรับตัวจากความผันผวนต่าง ๆ ต้องมีเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ แต่อยากให้มองไปที่เรื่องของศักยภาพ”

“ซึ่งตลาดหุ้นไทยมองว่ายังมีพื้นฐานที่ค่อนข้างดี และธนาคารไทยก็มีบทเรียนจากช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540ทำให้ธนาคารได้เรียนรู้และมีความระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้น คิดว่าประเทศไทยจะผ่านไปได้และแนะนำนักลงทุนอย่าต้องกังวลเกินไป” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว