กสิกรไทย ผลักดัน QRIS ระบบชำระเงินในธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย

กสิกรไทย ผลักดัน QRIS ระบบชำระเงินในธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย

ธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวบริการ QRIS ระบบชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าของธนาคารแมสเปี้ยนเป็นบริการแรก หลังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นรวมเป็น 67.5% หวังช่วยลูกค้ารายย่อยและธุรกิจเข้าถึงโอกาสทางการเงินสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันให้ธนาคารแมสเปี้ยนเติบโตสู่ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในชวาตะวันออก (East Java) และเป็น 1 ใน 20  ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียจากจำนวนสินเชื่อที่ปล่อยภายในปี 2570 

วันที่ 27 มีนาคม 2566 นายชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยการดำเนินงานในปี 2566 ธนาคารกสิกรไทยจะเน้นการทำ Transformation โดยนำประสบการณ์ ความพร้อม และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจธนาคารที่มีมายาวนาน

นายชัช  เหลืองอาภา
นายชัช  เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย

อีกทั้งธนาคารแมสเปี้ยนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องความต้องการของคนในท้องถิ่น และธนาคารกสิกรไทยที่มีความชำนาญเรื่องบริการด้านดิจิทัลแบงกิ้งมาประยุกต์ ต่อยอด และพัฒนาบริการ พร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาวต่อไปผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 กลุ่มลูกค้า

ได้แก่ กลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (Commercial) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail) เพื่อผลักดันให้ธนาคารแมสเปี้ยนเติบโตเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในชวาตะวันออก (East Java) และเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย จากจำนวนสินเชื่อที่ปล่อยภายในปี 2570

โดยในปี 2566 นี้ ธนาคารแมสเปี้ยนเตรียมเปิดตัว Quick Response Code Indonesia Standard หรือ QRIS เป็นบริการแรกภายหลังจากการเข้าเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นรวมในธนาคารแมสเปี้ยนเป็น 67.5% ในปี 2565 ที่ผ่านมา

ซึ่งบริการดังกล่าวเป็นระบบรับชำระค่าสินค้าและบริการของร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ ผ่าน QR Code มาตรฐานของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสามารถรองรับการชำระเงินจากโมบายแบงกิ้ง ของธนาคารหรือผู้ให้บริการ e-Wallet ใดก็ได้ ผ่าน QR Code เดียว

โดย QRIS จะช่วยให้ร้านค้าและธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียสามารถรับการชำระเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็วและไร้กังวล ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยจะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากการทำ K Shop แอปพลิเคชั่นสำหรับร้านค้าในไทย เพื่อต่อยอดการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับร้านค้า (Merchant Application) ของธนาคารแมสเปี้ยนให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น

อีกทั้งตั้งเป้าหมายที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กในอินโดนีเซียสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น ผ่านช่องทางการให้บริการต่าง ๆ ของธนาคารแมสเปี้ยน ก่อนที่จะขยายการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบต่อไป

นายชัชกล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าถือหุ้นในธนาคารมาสเปี้ยนเป็นการประสานพลังจุดแข็งของธนาคารทั้งสองเข้าด้วยกัน และเป็นส่วนหนึ่งภายใต้กลยุทธ์การขยายธุรกิจในภูมิภาค

ซึ่งลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยจะได้ประโยชน์จากการที่ธนาคารสามารถเป็นที่ปรึกษาเรื่องข้อมูลธุรกิจในตลาดอินโดนีเซียจากธนาคารแมสเปี้ยนซึ่งเป็นธนาคารท้องถิ่นที่มีประสบการณ์มายาวนาน รวมถึงจะได้รับประโยชน์จากบริการ One Stop Service และบริการธนาคารครบวงจร

ธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย

นอกจากนี้จะมีการต่อยอดความสัมพันธ์จากฐานลูกค้าธุรกิจของธนาคารมีอยู่ในไทยและประเทศในภูมิภาค สร้างการเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ทั้งด้านห่วงโซ่การผลิต การลงทุน และการค้า ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจในไทย อินโดนีเซีย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ยังเชื่อมั่นว่าด้วยจุดแข็งด้านบริการทางการเงินและศักยภาพทางเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทย ผสานกับความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานในท้องถิ่นของธนาคารแมสเปี้ยน จะสามารถพัฒนาบริการที่ช่วยให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการท้องถิ่นในอินโดนีเซียเข้าถึงสินเชื่อและบริการทางการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อสามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ