รื้องบฯขึ้นภาษีเขย่าตลาดหุ้น “ก้าวไกล” เดินหน้าไม่ถอย

“ศิริกัญญา” แคนดิเดตขุนคลัง เปิดแผนเศรษฐกิจ 100 วันแรกรัฐบาลก้าวไกล ค่าแรง 450 บาทขึ้นทันที พร้อมแพ็กเกจช่วย SMEs พ่วงหวยใบเสร็จสร้างแต้มต่อผู้ประกอบการรายย่อย ลุยรื้องบประมาณปี 2567 จัดสรรเงินทำนโยบายเป็นจริง นับเวลาถอยหลังก่อน กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง เดินสายทำความเข้าใจภาคเอกชน เปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจ จ่อขยับอัตราภาษีนิติบุคคล-เก็บภาษี Capital Gain เน้นสร้างความเป็นธรรม เตรียมกระสุนสร้างสวัสดิการเด็กเล็ก แรงงาน ผู้สูงวัย

ทันทีที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาททันที 100 วันแรก ถูกตั้งคำถามอย่างหนักจากบรรดาภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันหลายฝ่ายก็ยังมีข้อกังขาในเรื่อง “รัฐสวัสดิการ” และการปรับรื้อโครงสร้างด้านเศรษฐกิจอีกหลาย ๆ เรื่อง ทั้งหมดนี้คงต้องให้ “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฝ่ายนโยบาย ซึ่งถูกคาดคะเนว่าจะเป็นผู้ได้รับเก้าอี้ “ขุนคลัง” เป็นผู้ให้ความกระจ่าง

ค่าแรง 450 บาท ขึ้นทันที

นางสาวศิริกัญญาเปิดเผยว่า นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท จะดำเนินการทันทีใน 100 วันแรก และจะปรับขึ้นทุกปีตามค่าครองชีพและสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจากการหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับทราบถึงความกังวลใจของภาคธุรกิจ เรื่องค่าแรงที่ยังไม่สอดคล้องกับผลิตภาพแรงงาน (labour productivities) ซึ่งพรรคก้าวไกลก็กังวลเช่นกัน เพราะค่าแรงขั้นต่ำ จะขึ้นได้อย่างยั่งยืน ต้องทำให้แรงงานมีทักษะและสามารถปรับเปลี่ยนทักษะเพิ่มทักษะตามเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปได้

อีกทั้งปัจจุบันมีแรงงานในตลาด 40 ล้านคนของกำลังแรงงาน และพบว่า 24 ล้านคน เป็นแรงงานที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่า ม.ต้น ดังนั้นจึงจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเพิ่มทักษะ หากต้องการให้ประเทศก้าวหน้าในเรื่องการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ดึงดูดอุตสาหกรรมที่เป็นเทคโนโลยีเข้มข้นเข้ามา ก็จำเป็นต้องเพิ่มทักษะให้แรงงาน และต้องโฟกัสที่เรื่องการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน

ส่วนความกังวลของฝั่งนายจ้างนั้น จากการศึกษาพบว่า กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมากที่สุดคือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ดังนั้น จึงจำเป็นต้องออกแพ็กเกจเยียวยา เริ่มต้นจาก 1.งดเงินสมทบประกันสังคมเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับเอสเอ็มอีที่มีกำไรและต้องจ่ายภาษี สามารถนำค่าจ้างมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า 2.ลดภาษีนิติบุคคลสำหรับเอสเอ็มอี โดยตัดที่ตัวเงินได้พึงประเมิน จากเดิมที่ไม่เกิน 300,000 บาท จะต้องจ่ายที่ 15% จะลดเหลือ 10% และอีกขั้นหนึ่งที่เดิมจ่าย 20% จะเหลือ 15% เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพร้อมจะมีมาตรการอื่น ๆ ที่จะเยียวยาช่วงเปลี่ยนผ่านด้วย

“แน่นอนว่าจะรู้สึกว่ามันค่อนข้างจะกระชาก แต่ต้องดูย้อนกลับไปว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของประเทศเรา ขึ้นเฉลี่ยปีละเปอร์เซ็นต์กว่า ๆ เท่านั้นเอง โดยเฉพาะปีล่าสุดที่เพิ่งมีการขึ้น พอคำนวณออกมาเป็นค่าแรงขั้นต่ำที่แท้จริง หักผลของเงินเฟ้อแล้ว มันลดลงด้วยซ้ำ และมันไม่สามารถช่วยให้ประชาชนรอดพ้นจากวิกฤตค่าครองชีพได้ เราก็เลยจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นแน่นอน”

ทั้งนี้ หลังจากหารือกับสภาอุตฯแล้ว พรรคก้าวไกลยังมีการเดินสายพบกับสภาแรงงานด้วย และจะพบกับสมาพันธ์เอสเอ็มอี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยต่อไป โดยยืนยันว่าต้องฟังความเห็นทุกภาคส่วน

หวยใบเสร็จ ช่วยเอสเอ็มอี

ขณะที่หวยใบเสร็จจะเป็นอีกนโยบายที่นำมาใช้เพื่อช่วยเอสเอ็มอี และจะดำเนินการทันทีใน 100 วันแรก โดยใช้ระบบของเป๋าตัง ถุงเงิน สลากดิจิทัลที่มีอยู่แล้ว สามารถทำได้เร็ว ผู้บริโภคได้ลุ้นโชค ผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยได้รับการสนับสนุนทำโปรโมชั่นจากรัฐ สร้างแรงจูงใจคนซื้อของจากร้านค้ารายย่อยรายเล็ก

“ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ อาจกังวลใจเรื่องภาษี ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงเสนอว่า ผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดเป็นนิติบุคคลที่เข้าร่วมโครงการหวยใบเสร็จจะได้หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้เพิ่มถึง 90% จากเดิม 60% ซึ่งคาดว่าน่าจะทำให้เอสเอ็มอีคลายกังวลใจเรื่องภาษีได้”

รื้องบฯปี’67 ต้องทำแน่

นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า สำหรับงบประมาณประจำปี 2567 ยืนยันว่าต้องรื้อแน่นอน และเป็นไปตาม MOU ที่ได้ทำร่วมกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งได้ระบุว่าจะมีการทำงบประมาณแบบ zero based budgeting หมายถึง ต้องรื้องบประมาณใหม่ในแต่ละรอบปี เพื่อจัดลำดับความสำคัญ ไม่ใช่การทำแบบเดิมที่ค่อย ๆ เพิ่มทีละนิดและมาแจกทุก ๆ กระทรวง อย่างไรก็ตาม งบประมาณปี 2567 จะยังไม่ได้ทำงบประมาณแบบ zero based budgeting เต็มขั้น แต่จะเน้นตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้ล่าช้าเกินไป

“ประเมินว่า งบประมาณปี 2567 จะล่าช้าไม่เกิน 6 เดือน เนื่องจากหากทำให้กระบวนการตรงนี้ล่าช้า ก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจเสียหายมากขึ้นอีก กระบวนการนี้ต้องเร็ว ดังนั้นจะไม่ได้เป็นการทำงบประมาณแบบ zero based เต็มขั้น เดี๋ยวค่อย ๆ เริ่มทำในปีงบประมาณถัด ๆ ไป”

ภาษีรายใหญ่-เก็บภาษีกำไรหุ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากตามนโยบายเพิ่มสวัสดิการ เช่น เงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท เงินผู้สูงวัยอัตราเดียวถ้วนหน้าปีแรก 1,200 บาท และเพิ่มเป็นเดือนละ 3,000 บาทภายในปี 2570 หรือแม้แต่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี ล้วนเป็นรายจ่ายที่ต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมากเพื่อดูแลโอบอุ้มประชาชน ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงมีแนวคิดศึกษาความเป็นไปได้การเพิ่มรายได้รัฐจากภาษีต่าง ๆ อย่างภาษีกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (capital gain tax) และการปรับปรุงอัตราภาษีนิติบุคคล

“เรื่องหุ้น ภาษีที่เหมาะสม ถ้าเป็น transaction tax ไม่ว่าใคร ซื้อขายเล็กน้อยแค่ไหน ก็ต้องจ่าย และต้องจ่ายในอัตราเดียวกัน แต่ถ้าเป็น capital gain tax สามารถออกแบบคุ้มครองนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนระยะยาว สามารถลดความผันผวนของนักลงทุนที่มีการเทรดในระยะสั้น และในขณะเดียวกันได้สัดส่วนกับผลตอบแทนที่เขาได้จริง เช่น กำไรน้อยจ่ายน้อย กำไรมากจ่ายมาก ขาดทุนก็สามารถทำ loss carry forward หรือว่าเอาผลขาดทุนยกไปในปีหน้าได้ มันสามารถที่จะออกแบบได้”

อย่างไรก็ดี ภาษีกำไรจากการขายหุ้น ไม่ได้อยู่ในนโยบาย แต่มีคนถามมากว่าจะเอาอย่างไร เพราะทางกระทรวงการคลังก็มีแผนเรื่องนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องภาษีจากธุรกรรมขายหุ้น หรือ financial transaction tax (FTT) ก็ยังค้างอยู่และถูกเลื่อนออกไป ซึ่งก็กลายเป็นภาระของรัฐบาลใหม่ที่ต้องตัดสินใจ ดังนั้น สุดท้ายเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วก็ต้องเข้ามาแก้ เพราะมีหลายเรื่องเป็นเงื่อนปมอยู่ที่รอให้เข้าไปดู ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ไม่อยากจะเปิดมาแล้วเซอร์ไพรส์ ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวและคิดศึกษาไว้

“พรรคก้าวไกลก็ได้เห็นผลตอบรับจากตลาดทุนมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี FTT หรือ CGT โดยสิ่งที่พรรคย้ำคือ เน้นเรื่องความเป็นธรรม และกำไรจากการขายหุ้นต้องมีการเก็บภาษี เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ทั้งนี้ เราใช้ระยะเวลากว่า 30 ปี เพื่อจะวางรากฐานของตลาดหุ้นให้มีความมั่นคงมาแล้ว จากนี้ก็คงจะเป็นส่วนที่เราจะสามารถเก็บดอกผลจากประโยชน์ตรงนั้นได้”

ส่วนภาษีนิติบุคคล มีแนวคิดปรับขึ้นแบบถ้วนหน้า ยกเว้นเอสเอ็มอี ที่จะแยกไว้ต่างหาก เนื่องจากหลังจากมีการปรับลดภาษีนิติบุคคลเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน จาก 30% เป็น 23% และก็มาเป็น 20% ยังมีช่องโหว่ ทำให้คนเลือกจ่ายเป็นเงินปันผล ซึ่งเสียภาษีนิติบุคคล สูงสุด 20% รวมกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย แล้วจ่ายสุทธิอยู่ประมาณ 28% แต่ถ้าจ่ายเป็นเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนอื่น ๆ พอคำนวณเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องจ่ายสูงสุด 35%

“บางคนใช้ช่องโหว่ตรงนี้ เกิดการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งเรื่องนี้จึงต้องมีการปรับปรุง”

“รัฐสวัสดิการ” แบบก้าวไกล

นางสาวศิริกัญญากล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องรัฐสวัสดิการมีหลากหลายรูปแบบและหลาย shade เป้าหมายของพรรคก้าวไกลคือ อยากเป็นรัฐที่โอบอุ้มประชาชน มีสวัสดิการให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี แม้ในวันที่เกิดเหตุไม่คาดฝันหรือวันที่ล้มลง ก็มีฟูกนุ่ม ๆ จากรัฐโอบอุ้มไว้ ซึ่งไม่ได้จะยึดโมเดลแบบสแกนดิเนเวีย โดยรัฐสวัสดิการที่พรรคก้าวไกลเสนอ ยังห่างชั้นกับสวัสดิการของประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย

อีกด้านหนึ่งทราบถึงข้อจำกัดและบริบทหลาย ๆ อย่างของประเทศไทย ดังนั้นจึงจัดทำชุดสวัสดิการที่พอจะทำให้คนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เป็นขั้นพื้นฐานที่ควรจะได้รับจากรัฐ ซึ่งต้องใช้งบประมาณค่อนข้างมาก เนื่องจากฐานต่ำ แม้จะเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานก็ต้องใช้เงินเพิ่ม จึงไม่ได้ใช้วิธีเก็บภาษีเพิ่มทั้งหมด จนเป็นภาระกับประชาชน แต่จะเริ่มจากการจัดสรรงบประมาณใหม่ เพราะจากการศึกษาพบว่า มีงบประมาณต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น มีโครงการหลายอย่างไม่ประสบความสำเร็จที่พิสูจน์ได้ และยังมีการรั่วไหลของการจัดซื้อจัดจ้างอีกจำนวนมาก

“เราไม่ได้เริ่มแพ็กเกจนี้ จากการที่บอกว่าจะไปเก็บภาษี แต่เริ่มจากการจัดสรรงบประมาณใหม่ก่อน เพราะมีรูรั่วอยู่ ต้องปิดรูรั่วต่าง ๆ ก่อน จากนั้นก็เพิ่มประสิทธิภาพจากการจัดเก็บภาษีเดิมที่มีอยู่แล้ว ขันนอตให้แน่นขึ้น ส่วนที่รั่วส่วนที่ไหล ส่วนที่มีช่องโหว่หลบเลี่ยงกันอยู่ ก็ไปปิดตรงนั้น แล้วจึงจะมาถึงการเก็บภาษีเพิ่ม อันนี้เป็นกระบวนการที่เราคิดว่า จะนำเราไปสู่รัฐสวัสดิการในรูปแบบที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยได้”