คลังชี้เศรษฐกิจเดือน เม.ย. โตต่อเนื่อง “ท่องเที่ยว-สินค้าเกษตร” หนุน

ภูเก็ต
ภาพจาก PIXABAY

คลังชี้เศรษฐกิจไทยเดือน เม.ย. 2566 รับแรงหนุนภาคท่องเที่ยวขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี-อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง

วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนเมษายน 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง

โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทนสะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือนเมษายน 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.4 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนเมษายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.0 จากระดับ 53.8 ในเดือนก่อน

ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และสูงสุดในรอบ 38 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น รวมถึงความกังวลจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

สำหรับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือนเมษายน 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.0 อย่างไรก็ดี ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนเมษายน 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ -7.0 และ -1.4 ตามลำดับ

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนเมษายน 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -8.4 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.1 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง

สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศในเดือนมีนาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 0.2 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -1.4 ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ -30.0

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือนเมษายน 2566 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 12.0 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.4 จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ อาทิ ยางพารา ข้าวโพด และหมวดปศุสัตว์ เป็นต้น

สำหรับภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2566 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 95.0 จากระดับ 97.8 ในเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการชะลอตัวของการผลิตจากวันหยุดต่อเนื่องในช่วงวันสงกรานต์ และอุปสงค์จากต่างประเทศที่ยังคงอ่อนแอ

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัว และต้นทุนค่าระวางเรือที่เริ่มคลี่คลายลง สำหรับภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนเมษายน 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.18 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 644.0 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 18.2

โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้ ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนเมษายน 2566 จำนวน 21.3 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 27.4 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 11.0

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี และแรงกดดันจากระดับราคาสินค้าลดลงต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.67 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.66 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 61.2 ต่อ GDP

ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ ในเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 0.58 ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2566 อยู่ในระดับสูงที่ 2.234 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ