“ศุภวุฒิ” เตือน ก้าวไกล “เก็บภาษีมั่งคั่ง” ฉุดการลงทุน-FDI ยิ่งฮวบ

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

“ศุภวุฒิ สายเชื้อ” ชี้นโยบาย “พรรคก้าวไกล” เก็บภาษีมั่งคั่ง อาจส่งผลลบต่อการลงทุน ระบุปัจจุบัน FDI ไทยลดลงมากแล้ว แนะเพิ่มภาษี VAT กระทบน้อยกว่า ขึ้น 1% รายได้เพิ่ม 7-8 หมื่นล้าน

วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวในงานอภิปราย “ปัญหาเศรษฐกิจที่รอรัฐบาลใหม่” เกี่ยวกับการใช้นโยบายการเก็บภาษีความมั่งคั่ง, ภาษีที่ดิน, ภาษีมรดก และภาษี financial Tax เพื่อที่จะนำภาษีไปใช้ในนโยบายรัฐสวัสดิการนั้น เป็นนโยบายที่มีต้นทุนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อในการลงทุน เพราะบริษัทขนาดใหญ่จะมีการทบทวนว่าหากมีการลงทุนใหม่เกิดขึ้นจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

และปัจจุบันตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลงค่อนข้างเยอะ จากเดิมในอดีตมีสัดส่วนถึง 40% ปัจจุบันเหลือเพียง 8.9% ซึ่งหากมีการเก็บภาษีจากทุนบริษัทขนาดใหญ่ ภาษีมรดก จากตลาดหุ้น จากเงินปันผล จากความมั่งคั่ง ผลที่ตามมาอาจกระทบต่อบรรยากาศและผลตอบแทนในการลงทุนได้

ดังนั้น ต้องตัดสินใจเลือกให้ดี เหล่านี้มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น นักลงทุนอยากจะลงทุน แต่พอมาเจอภาษี 3-4 ตัวที่จะโดนเก็บ เขาก็ต้องมานั่งคิดแล้วว่าจะลงทุนดีหรือไม่

ทั้งนี้ ดร.ศุภวุฒิให้มุมมองเกี่ยวกับการเพิ่มภาษี VAT (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) นั้น เป็นการเก็บภาษีที่มองว่ากระทบผู้คนน้อย โดยปัจจุบันภาษี VAT อยู่ที่ 7% ซึ่งจากเดิมมีการปรับเพิ่มเป็น 10% แต่มีการเรียกร้องให้เลื่อนการจัดเก็บในอัตราดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลก็ได้ยกเว้นมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเรื่องที่มีผลต่อการเมือง

ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ย VAT ทุก 1% จะทำให้รัฐมีรายได้ราว 7-8 หมื่นล้านโดยประมาณ และหากขยับเพิ่มขึ้นอีก 2-3% จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก พร้อมกับการเร่งการลงทุนให้เกิด ซึ่งจะหนุนการเติบโตของจีดีพีของประเทศ และเมื่อจีดีพีโตเร็วหนี้จะลดลง