วิเคราะห์ปมร้อน “หุ้นไอทีวี” สะเทือนถึง “อินทัช โฮลดิ้งส์”

หุ้น ITV

ประเด็นร้อนกรณี รายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

กับการตั้งคำถาม “ขบวนการคืนชีพไอทีวี” เมื่อมีการเปิดเผยหลักฐานว่า รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่มีการเซ็นรับรองออกมานั้น ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามหลักฐานคลิปวิดีโอการประชุม เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ที่มีการนำมาเปิดเผย

โดยเฉพาะในประเด็นคำถามว่า บริษัท ไอทีวี ยังดำเนินการเป็นสื่อมวลชนอยู่หรือไม่ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะชี้ถึงคุณสมบัติของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีรัฐบาลก้าวไกล

ทั้งนี้ ในคลิปวิดีโอการประชุม นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานคณะกรรมการของไอทีวี ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ตอบคำถามว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน”
แต่ในบันทึกรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวีกลับระบุว่า “ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินการกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ”

ขณะที่รายงานการประชุมดังกล่าวมีการลงนามรับรองโดย นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุม และนายจิตชาย มุสิกบุตร กรรมการผู้สอบทานและแก้ไข

อย่างไรก็ดี นายคิมห์ สิริทวีชัย ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท ไอทีวี ยังมีตำแหน่งเป็น “กรรมการผู้อำนวยการ” บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ และ นายจิตชาย มุสิกบุตร ก็มีตำแหน่งเป็น หัวหน้าสายงานกฎหมายและหัวหน้าสายงานเลขานุการบริษัทและกำกับกฎเกณฑ์ ของ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์

ADVERTISMENT

เนื่องด้วย บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ มีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 52.92% ของไอทีวี

ทั้งนี้ สำหรับ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 46.57% และบริษัท สิงเทล โกลบอล อินเวสเมนท์ พีทีอี แอลทีดี ถือหุ้น 24.99%

ADVERTISMENT

ร้อนถึง “อินทัช โฮลดิ้งส์”

แน่นอนว่าประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น ก็ทำให้ “อินทัช โฮลดิ้งส์” ยักษ์ใหญ่การลงทุนโดยเฉพาะในธุรกิจสื่อสาร (ผู้ถือหุ้นใหญ่ เอไอเอส 40.44%) และในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของไอทีวี ย่อมถูกการเมืองโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง และถูกตั้งคำถามมากมาย

ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ตามที่มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือไอทีวี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ INTUCH ถือหุ้นอยู่ 52.92% ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้นของไอทีวีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่สนใจต่อสาธารณชนจำนวนมากในขณะนี้

ทางบริษัทได้รับทราบข้อมูล และได้ให้คณะกรรมการและฝ่ายจัดการของไอทีวี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว

และหากมีประเด็นใด ๆ ที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทางไอทีวีจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีความโปร่งใสเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

แต่ด้วยเอกสารชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงนามโดย นายคิมห์ สิริทวีชัย ในฐานะกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) สั่งให้คณะกรรมการไอทีวีดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว

ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า นายคิมห์ ซึ่งเป็นประธานการประชุม และเป็นผู้ลงนามบันทึกรายงานการประชุม ที่ข้อเท็จจริงสองส่วนนี้ไม่ตรง และนายคิมห์ ยังเป็นผู้สั่งการให้คณะกรรมการและฝ่ายจัดการไอทีวีตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นบุคคลคนเดียวกัน

โดย ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ตั้งคำถามและติดแฮชแท็กว่า เรื่องนี้ประหลาดตรงที่กรรมการผู้อำนวยการบริษัท อินทัช ประธานคณะกรรมการบริษัท ไอทีวี และคนเซ็นรายงานการประชุม #เป็นคนเดียวกันหมด ก็คือตัวเองสั่งตัวเองให้ตรวจสอบในเรื่องที่ตัวเองทำ

ก.ล.ต.เร่งสอบส่อผิดมาตรา 312

เรื่องนี้ นายไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้ช่วยเลขาธิการสายระดมทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากประเด็นบันทึกรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่มีข้อเท็จจริงออกมาไม่ตรงกันกับคลิปวิดีโอช่วงตอบคำถามผู้ถือหุ้นนั้น ในแง่ข้อกฎหมายที่จะดำเนินการมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งในส่วนที่สำนักงาน ก.ล.ต. มีหน้าที่กำกับดูแลการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนนั้น ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่ แต่ถ้าเป็นในส่วนกฎหมายอื่นจะเป็นไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการ

ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต.กำลังพิจารณา พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ตามมาตรา 312 ที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงบัญชีเอกสาร ซึ่งหากมีความคืบหน้าหรือพบสิ่งที่มีความผิดปกติจะรีบแจ้งให้ทราบต่อไป

จำคุก 5-10 ปี ปรับสูงสุด 1 ล้าน

ที่ปรึกษากฎหมายในตลาดทุนรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บทบาทหน้าที่ของ “กรรมการ” บริษัทตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และระมัดระวังผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายการปฏิบัติหน้านี้ไม่สุจริต สำนักงาน ก.ล.ต.อาจจะลงโทษปรับและจำคุกได้ พร้อมกับการตัดสิทธิ (Disqualified) ห้ามเป็นกรรมการบริษัท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ตามมาตรา 312 ระบุชัดว่า กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้ (1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีเอกสาร หรือหลักประกันของนิติบุคคลดังกล่าวหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลดังกล่าว (2) ลงข้อความหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือ (3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท

ปมลึกการเมืองสะเทือน อินทัช โฮลดิ้งส์

อย่างไรก็ดี ที่ปรึกษากฎหมายรายนี้ระบุว่า โดยปกติ กรณีไม่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่มีการเปิดเผยรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งไอทีวีเข้าข่ายลักษณะนี้ แต่จะต้องมีการส่งรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (AGM) ไปให้กระทรวงพาณิชย์ ถ้ายังไม่มีการยื่นเอกสารรายงานการประชุมต่อกระทรวงพาณิชย์ ก็ถือว่า “กรรมการ” ยังไม่มีความผิด เพราะเป็นรายงานการประชุมกันเองระหว่างผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้โดยหลักการแล้ว หากมีการจดรายงานการประชุมผิดพลาด โดยประธานบอร์ดไม่ได้แก้ไข และยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว บริษัทสามารถขอแก้ไขเอกสารรายงานการประชุมฯ ที่ยื่นกระทรวงพาณิชย์ได้ โดยแจ้งในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งถัดไปว่า เป็นรายงานการประชุมผิดพลาด

แต่หากมีการยืนยันว่า “เอกสารรายงานการประชุมถูกต้องแล้ว” จะถือเป็นการจงใจยื่นเอกสารเท็จต่อกระทรวงพาณิชย์ เพื่อทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย

อย่างไรก็ดี เนื่องจากนายคิมห์ สิริทวีชัย ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ มาตั้งแต่ 1 เมษายน 2557 และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และกรรมการผู้อำนวยการของ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

รวมถึง นายจิตชาย มุสิกบุตร ที่เป็นหัวหน้าสายงานกฎหมายและหัวหน้าสายงานเลขานุการบริษัทและกำกับกฎเกณฑ์ ของ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์

ปมลึก-เกมอำนาจการเมือง กรณีการถือหุ้นไอทีวีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”

จึงสะเทือนถึง บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ที่ชื่อเดิมคือ “บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)”