ไพบูลย์ ชงแก้โจทย์ตลาดหุ้นไทยไร้เสน่ห์ วอนรัฐบาลต้องไม่มองเป็นศัตรู

ไพบูลย์ นลินทรางกูร
ไพบูลย์ นลินทรางกูร

“ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ชงแก้โจทย์ตลาดหุ้นไทยไร้เสน่ห์ เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพิ่มศักยภาพการเติบโต วอนรัฐบาลต้องไม่มองเป็นศัตรู-ไม่ออกนโยบายที่ไม่เป็นมิตรกับตลาดทุนและกระทบสภาพคล่อง

วันที่ 21 มิถุนายน 2566 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จํากัด กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (Fetco) และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (AIA) กล่าวในหัวข้อ “ตลาดหุ้นปรับโหมด หุ้นกระทิง” ในงานสัมมนา “Thailand : Takeoff ว่าตลาดหุ้นไทยจะกระทิงหรือไม่กระทิงขึ้นอยู่กับนโยบายทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ

ปัจจุบันตลาดหุ้นโลกได้กลับเข้าสู่ภาวะกระทิงอีกครั้ง เพราะทุกคนคาดว่าดอกเบี้ยน่าจะใกล้จบลง และภาพเศรษฐกิจก็ยังดีอยู่ ซึ่งหากย้อนดูในช่วงก่อนโควิด-19 ดัชนีตลาดหุ้นโลกอยู่ที่ประมาณ 81 จุด แต่ตอนนี้ปรับขึ้นมากกว่า 90 จุด หรือปรับขึ้นมา 16% แล้ว โดยดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวได้ดีที่สุดคือ ตลาดหุ้นสหรัฐ ดูได้จากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นมาเร็วและแรงมาก

ไพบูลย์ นลินทรางกูร

ทั้งนี้ ยังพบว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศส่วนใหญ่เข้าสู่ภาวะกระทิงมาแล้ว 10 เดือน ต่างจากตลาดหุ้นไทยที่เป็นหนึ่งในไม่กี่ตลาดที่ดัชนียังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ที่ 11% ซึ่งเหตุผลที่ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะตลาดหมี เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า มี GDP เติบโต 5-6% ต่อปี รวมถึงเวียดนามก็มีการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 7-8% ต่อปี ดังนั้น จะเห็นว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านต่างก็มีเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีกว่าและฟื้นกลับไปเท่าช่วงก่อนโควิดได้ดีและเร็วกว่า ทำให้น่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้าหลังเปิดประเทศ การท่องเที่ยวที่เป็นจุดขายหลัก แต่ก็ยังติดอุปสรรคหลายด้าน เรื่องของการส่งออกและกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ยังหดตัว รวมถึงการที่ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เงินทุนยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทย

ซึ่งหากนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) เงินทุนไหลออกไปเเล้วกว่า 1 แสนล้านบาท และถ้าหลาย ๆ เรื่องยังไม่ดีขึ้นก็มีโอกาสที่จะไหลออกได้ต่อ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวนด์ หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วและนโยบายเศรษฐกิจเป็นที่ยอมรับ ซึ่งตอนนี้ราคาหุ้นไทยไม่ได้แพง แต่ขาดจุดขายในการดึงดูดเงินทุนระยะยาว

“มองว่าไทยจะต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโต และเร่งผลิตเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่เพื่อสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และรัฐบาลจะต้องใช้ตลาดทุนให้มาก อย่ามองตลาดทุนเป็นศัตรู เพราะตลาดทุนคือส่วนหนึ่งของตลาดเงิน และให้มองว่าผู้ลงทุนเป็นผู้ช่วยสร้างสภาพคล่อง และรัฐบาลต้องไม่ออกนโยบายที่ไม่เป็นมิตรกับตลาดทุนและส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง เพราะสภาพคล่องคือหัวใจสำคัญของตลาดทุน” นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์กล่าวทิ้งท้ายว่า คิดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกลับไปเป็นตลาดกระทิง แต่คงไม่ง่าย ซึ่งตลาดกระทิงในที่นี้หมายถึงตลาดกระทิงระยะยาว ไม่ใช่แค่ระยะสั้น เช่นที่ตลาดหุ้นไทยได้กำไรและขาดทุนสลับกันไปเหมือนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา