STARK ผู้เสียหาย 6,287 ราย มูลค่าความเสียหาย 1.3 หมื่นล้าน

STARK

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) เปิดเผยข้อมูลความเสียหายจากกรณีผู้ถือหุ้น-หุ้นกู้ STARK พบผู้เสียหายรวม 6,287 ราย มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 1.3 หมื่นล้านบาท

วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า หน้าที่หลักของสมาคมคือการให้ข้อมูลกับนักลงทุนการที่จะเข้าใจสถานการณ์ เข้าใจบทบาทหน้าที่ของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ร่วมประสานงานกับกลุ่มผู้ออกหุ้นกู้ในการตัดสินใจสิ่งต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ถ้าหากว่าเรามองย้อนสักนิดนึงจะเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นเพราะว่าบริษัทไม่ส่งงบการเงินประจำปี

ซึ่งทางด้านตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ก็ได้มีการประชุมเพื่อติดตามเหตุการณ์ในแต่ละครั้ง ซึ่งจะขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมและการตัดสินใจ ดังนี้

1.วันที่ 28 เมษายน 2566 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นมีมติยกเว้นเหตุผิดนัดชำระ มาจากการส่งงบการเงินล่าช้า

2.วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติยกเว้นเหตุนัดผิดนัดชำระ 3 รุ่น แต่ว่ามีการเรียกชำระโดยพลัน 2 รุ่น รวมเป็นเงินมูลค่า 2,241 ล้านบาท

Advertisment

3.วันที่ 16 มิถุนายน 2566 รายงานการตรวจสอบได้ออกมาพบว่าเป็นรายงานที่ผู้ตรวจสอบบัญชีไม่ได้แสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตามตัวเลขของงบการเงินที่ออกอยู่ในส่วนของที่นักลงทุนติดลบ ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดโอกาสในการ default ขึ้นอีกในลักษณะหนึ่ง ที่เรียกว่า Cross Default อันเนื่องมาจากการขาดส่งดอกเบี้ย 20.7 ล้านบาท

แต่ทั้งนี้เกณฑ์ในข้อกำหนดสิทธิไปว่าถ้าหากมีการผิดนัดชำระเกินกว่า 3% จะเกิดเป็น Cross Default ซึ่งทำให้ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้นั้นได้แจ้งผิดนัดขึ้นมาในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 สำหรับหุ้นกู้ 3 รุ่นที่ได้รับการยกเว้นเหตุผิดนัดชำระในคราวก่อน จำนวน 6,957 ล้านบาท และทำให้ตอนนี้หุ้นกู้ที่เข้าข่ายทั้งสิ้น 9,198 ล้านบาท ระดับหุ้นกู้ทั้ง 5 รุ่น

“อย่างไรก็คงต้องยอมรับว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น เราว่าคนที่ได้รับความเดือดร้อนในกลุ่มของผู้ที่ลงทุนในหุ้นกู้นั้น ทั้งผู้ลงทุนรายใหญ่ หรือ High Net Worth (HNW) และนักลงทุนสถาบัน รวมทั้งสิน 1,528 รายที่ลงทุนในหุ้นกู้นี้ แต่เชื่อว่าทุก ๆ ฝ่ายจะต้องร่วมมือกันในการทำหน้าที่การในสิ่งเหล่านี้ต่อไป” ดร.สมจินต์กล่าว

ฉะนั้น ThaiBMA จะให้ความร่วมมือกับภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้สำนักงาน ก.ล.ต.ในการให้ข้อมูลกับนักลงทุนผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ขององค์กร ถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องกับผู้ออกหุ้นกู้ ต้องถึงข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อเป็นการให้ข้อมูลกับนักลงทุนเป็นวงกว้างในอีกทางหนึ่ง

Advertisment

แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะลุกลามทำให้เกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นในกรณีนี้เชื่อว่าเป็นความบกพร่องของเฉพาะขององค์กรซึ่งอาจจะมีข้อมูลที่เราเริ่มเห็นว่าการกระทำอันไม่ชอบ ดังนั้นการที่ตลาดทุนของเราจะเดินหน้าต่อไปนะสิ่งที่สำคัญคือการมีความตระหนักที่เหมาะสมกับความเสี่ยงการลงทุนและการร่วมมือกันของพวกเราทุก ๆ ฝ่ายในการที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

นางสิริพร จังตระกูล เลขาธิการ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) กล่าวว่า หน้าที่หลักของสมาคมคือการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนทั้ง 800 แห่ง ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) และทำหน้าที่ในโครงการประเมฺินคุณภาพการจัดการประชุมผู้ถือหุ้น (AGM) ผ่านนักลงทุนซึ่งได้ผ่านการอบรมสมาคม หรือว่าทำหน้าที่ในการที่จะไปประเมินซึ่งมีหัวข้อในการประเมิน 2 ข้อหลักคือ

1.การเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์การเป็นบริษัทจดทะเบียนการเป็นบริษัทมหาชน และ 2.การให้ความเท่าเทียมกันกับผู้ถือหุ้น ทั้ง 2 ข้อนี้จะเป็นประเด็นหลักในการที่จะนำไปประเมินเรื่องของธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งได้มีการทำมาแล้วตั้งแต่ปี 2549 เลยได้มีการสนับสนุนอย่างดีจากสำนักงาน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ มาโดยตลอด

ในโอกาสนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอยากจะเชิญชวนนักลงทุนรายบุคคลสามารถเข้ามารับการอบรมเพื่อเป็นนักลงทุนตื่นรู้ได้ นอกจากนี้สมาคมยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ซึ่งกำลังเริ่มก่อตั้งและคาดว่าระยะเวลาที่จะเปิดอย่างเป็นทางการประมาณช่วงเดือนธันวาคมปี 2567

อย่างไรก็ตามจากในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ STARK ครั้งนี้ถามว่าสมาคมได้ทำอะไรบ้าง ซึ่งก็ได้มีการเปิดให้นักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากหุ้นสามัญ มาลงทะเบียนไว้ผ่านเว็บไซต์ของสมาคม ไม่เปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 19-25 มิถุนายนที่ผ่านมา อุดมทั้งสิ้น 7 วันทำการ ซึ่งพบตัวเลขของผู้ที่มาลงทะเบียนกรณีได้รับความเสียหายจากหุ้นสามัญ 1,759 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 4,063 ล้านบาท

ซึ่งหลังจากนี้สิ่งที่สมาคมจะทำต่อมี 3 เรื่องด้วยกันคือ 1.นำข้อมูลความเสียหายจากผู้ถือหุ้นกู้สตาร์คมาตรวจสอบในเบื้องต้นคำนึงถึง พ.ร.บ.คุ้มครองส่วนบุคคล 2.จะทำการให้ความรู้กับผู้ลงทุนในการฟ้องร้องคดีแบบกลุ่มว่าในกระบวนการทางกฎหมายจะต้องดำเนินการอย่างไร และ 3.เป็นตัวกลางในการเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายได้มาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันในการดำเนินการ ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้เราก็จะแจ้งความคืบหน้าไว้ในระบบออนไลน์ของสมาคม

ทั้งนี้ สามารถสรุปมูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 13,261 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 4,063 ล้านบาทรวมกับหุ้นกู้ 9,198 ล้านบาท

ขณะที่มีผู้เสียหายรวมทั้งสิ้น 6,287 ราย แบ่งออกเป็นผู้ถือหุ้นสามัญ 1,759 ราย รวมกับผู้ถือหุ้นกู้ 4,528 ราย