กลุ่ม ปตท. ดร็อปยกแผง ครึ่งปีหลัง…ลุ้น “การเมืองชัด-กำไรฟื้น”

ปตท.

ช่วงนี้ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2566 และงวดครึ่งปีแรก ปี 2566 ซึ่งเซ็กเตอร์ที่มีผลกับ SET ค่อนข้างมาก ก็คือ “พลังงาน” โดยเฉพาะกลุ่ม “ปตท.” ที่ประเมินกันไว้ว่า กำไรจะออกมาชะลอตัวตามทิศทางราคาพลังงานโลก แต่ผลกระทบจะมากแค่ไหน ก็ต้องดูจากงบฯที่แจ้งกันออกมาแล้ว

ครึ่งปีแรกกำไรร่วงยกแผง

โดย “เอกรินทร์ วงษ์ศิริ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่ม ปตท. จำนวน 7 บริษัท ประกอบด้วย 1.บมจ.ปตท. (PTT) 2.บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) 3.บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) 4.บมจ.ไทยออยล์ (TOP)

5.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) 6.บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และ 7.บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ประกาศกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/2566 รวมกันออกมาอยู่ที่ 37,489 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 61% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) และลดลง 33% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)

“เอกรินทร์” กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่กำไรกลุ่ม ปตท. ปรับตัวลดลง YOY มาจากธุรกิจโรงกลั่น เพราะปี 2565 ฐานค่าการกลั่น (Gross Refinery Margin : GRM) ค่อนข้างสูงผิดปกติ ตามช่วงภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยไตรมาส 2/2566 TOP มีกำไรสุทธิเหลือ 1,117 ล้านบาท

ต่างจากไตรมาส 2/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 25,327 ล้านบาท ส่วนกำไรที่ปรับตัวลดลง QOQ ถูกฉุดจากกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มโรงกลั่น โดยค่าการกลั่นปรับตัวลดลงไปประมาณ 5 เหรียญต่อบาร์เรล

Advertisment

“จะเห็นว่าไตรมาส 2 นี้ มีเพียง PTTEP ที่กำไรออกมาค่อนข้างคงที่ โดยเพิ่มขึ้น 2% YOY และเพิ่มขึ้น 9% QOQ มาอยู่ที่ 610 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกนั้นกำไรปรับตัวลดลงทั้ง YOY และ QOQ”

ทั้งนี้ OR มีกำไรสุทธิ 2,757 ล้านบาท ลดลง 58% YOY และลดลง 7.3% QOQ เป็นไปตามค่าการตลาดที่ปรับตัวลง ส่วน IRPC งบฯออกมาขาดทุนสุทธิ 2,246 ล้านบาท จากไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิ 3,833 ล้านบาท

ด้าน PTTGC ขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท เทียบกำไรไตรมาส 2/2565 ที่ทำได้ 1,378 ล้านบาท และไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท และ GPSC รายงานกำไรสุทธิออกมา 309 ล้านบาท ลดลง 55% YOY และ 72% QOQ

สำหรับ PTT มีกำไรสุทธิ 20,107 ล้านบาท ลดลง 48% YOY และลดลง 27% QOQ ซึ่งเป็นไปตามผลประกอบการของบริษัทลูกที่มีกำไรลดลง

Advertisment

กราฟฟิก กลุ่ม ปตท

ราคาน้ำมันหนุนกำไรครึ่งปีหลัง

“เอกรินทร์” กล่าวว่า สำหรับทิศทางกำไรหุ้นกลุ่ม ปตท. ช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ ประเมินว่าน่าจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น จากราคาน้ำมันยืนอยู่ในระดับสูง และค่าการกลั่นในไตรมาส 3/2566 เริ่มเห็นการปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น PTTEP ที่มีส่วนช่วยหลักน่าจะยังมีกำไรดีอยู่ ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้น จึงมองกำไรหุ้นกลุ่ม ปตท.ในครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก

โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 90-95 เหรียญต่อบาร์เรล ปัจจุบันอยู่ที่ 87-88 เหรียญต่อบาร์เรล เพราะซาอุฯและรัสเซียยังลดกำลังการผลิตทำให้ซัพพลายค่อนข้างตึงตัว ส่วนค่าการกลั่นคาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 8-9 เหรียญต่อบาร์เรล

ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6-7 เหรียญต่อบาร์เรล โดยมองว่าอาจจะมีดีมานด์น้ำมันกลุ่มดีเซลในช่วงฤดูหนาว

“ถ้าแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่ม ปตท. ช่วงนี้ต้องเป็นกลุ่มโรงกลั่น เด่นสุดคือ TOP เพราะ IRPC หรือ PTTGC ยังโดนกดดันจากธุรกิจปิโตรเคมี ทั้งนี้ ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงสำหรับธุรกิจในกลุ่ม ปตท. คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้กล่าว

ลุ้นการเมือง/นโยบายพลังงานชัด

ขณะที่ “จักรพงศ์ เชวงศรี” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำไรหุ้นกลุ่ม ปตท. งวดไตรมาส 2/2566 ปรับตัวลดลงหลัก ๆ จากบริษัทในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ตามค่าการกลั่นและสต๊อกน้ำมันเปลี่ยนเป็นขาดทุน (stock loss)

โดย PTTEP เป็นหนึ่งในบริษัทที่ช่วยสนับสนุนกำไรของกลุ่ม ไตรมาสนี้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี มีปริมาณการขายที่ดีกว่าคาด และมีรายการพิเศษเล็กน้อยจากการกลับรายการ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยลดลง

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากำไรหุ้นกลุ่ม ปตท.ช่วงไตรมาส 3/2566 จะปรับตัวดีขึ้น มาจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้น สต๊อกน้ำมันเปลี่ยนเป็นกำไร (stock gain) รวมถึงธุรกิจก๊าซของ ปตท.มีแนวโน้มดีขึ้นตามราคาเนื้อก๊าซ (pool gas) ที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนไตรมาส 4/2566 เชื่อว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูงจากไตรมาส 3/2566 เพียงแต่ stock gain อาจจะลดลง ซึ่งน่าจะทำให้งบฯปรับตัวลงมาบ้าง แต่ไม่ลงแรง เพราะฤดูหนาวเป็นช่วงพีกดีมานด์

“อย่างไรก็ตาม ความกังวลสำหรับกลุ่มธุรกิจ ปตท. ก็คือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่ยังต้องรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่าสุดท้ายแล้วหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร รวมถึงต้องติดตามว่ารัฐบาลใหม่จะมีมุมมองเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานอย่างไร” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทยกล่าว