
3 โบรกเกอร์ ประสานเสียง เงินต่างชาติรอซื้อหุ้นไทย ขอนโยบายรัฐบาลใหม่ชัด–กระตุ้นการลงทุน แนะพับแผนจัดเก็บภาษีขายหุ้นไปก่อน
วันที่ 24 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่านับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 23 ส.ค. 2566 นักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นไทยออกไปกว่า 131,483 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าหลังจากเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่ประชุมสภา จะมีมติผ่านโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้สำเร็จ จนสามารถทำให้นักลงทุนพลิกกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยได้ 509 ล้านบาท แต่ปิดตลาดเมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) ก็พลิกกลับไปขายสุทธิ 161 ล้านบาท
นายศุภโชค ศุภบัณฑิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางเงินทุนต่างชาติหรือฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นไทยนั้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยมาโดยตลอด และปัจจุบันก็ยังมีสัดส่วนการถือครองไม่ได้มากนัก
อย่างไรก็ตามเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติยังรอซื้อหุ้นไทยอยู่ หลังเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ประเทศไทยมีความชัดเจนเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรีและกำลังเฝ้ารอดูว่านโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะออกมาจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมไหนบ้าง
ส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติตอนนี้ไม่ได้โฟกัสเฉพาะแค่เพียงตามดัชนี Index เท่านั้น แต่ต้องเน้นเลือกรายตัวหรือเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น ซึ่งสะท้อนได้จากตอนนี้ที่ตลาดก็อาจปรับตัวนิ่ง ๆ แต่หุ้นบางกลุ่ม อาทิ กลุ่มค้าปลีก, โรงพยาบาล โรงแรม ก็ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นดีกว่าตลาด
นางนริศรา วิเศษโกสิน Head of Thailand Institutional Business บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจในตลาดหุ้นไทยอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจมีประเด็นทางการเมือง ทำให้กังวลไม่กล้าเข้ามาลงทุน แต่ปัจจุบันไทยได้รัฐบาลใหม่แล้ว แต่ต้องรอดูนโยบายภาครัฐจะสอดคล้องกับทิศทางการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนจุดเปลี่ยนที่สำคัญมองว่า รัฐบาลจะออกนโยบายอะไรมากระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดเก็บภาษีขายหุ้นคงต้องพับแผนไว้ก่อน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้การแข่งขันและความน่าสนใจต่อตลาดหุ้นไทยในมุมมองนักลงทุนต่างชาติปรับตัวเพิ่มมากขึ้นได้
นายฐาปน พานิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง เพราะไม่สนเมืองไทย แต่ปัจจุบันปัจจัยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้จบลงแล้ว
ดังนั้นคาดว่าในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ตราบใดที่ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน ก็น่าจะเห็นการฟื้นตัวกลับมา แต่จะนานเท่าไรนั้นยังต้องดูช็อตต่อไป โดยเฉพาะหากผ่านพ้นช่วงฮันนีมูนกับพรรคร่วมรัฐบาลทางรัฐบาลชุดใหม่จะทำอะไรต่อและภาวะเศรษฐกิจไทย หรือตัวเลขจีดีพีจะไปต่อเท่าไร รวมถึงรัฐบาลต้องใส่เงินอัดฉีดเพิ่มหรือไม่
ขณะที่มองว่าการจัดงาน Thailand Focus 2023 ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งก็อยากให้รัฐบาลได้รับฟังและประสานงานต่อได้น่าจะดีมาก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งหากภาครัฐจะช่วยกระตุ้น คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้มากกว่านี้
“จุดเปลี่ยนที่ทำให้ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยได้นั้น ผมว่ารัฐบาลจัดตั้งได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ยังต้องจับตาต่อไปว่าพรรคร่วมรัฐบาล 14 พรรคจะไปได้ไหม รวมถึงตลาดเพื่อนบ้าน ซึ่งหากบางจุดอิ่มตัว และเมืองไทยมีสตอรี่ที่น่าสนใจ ก็อาจดึงดูดเม็ดเงินบางส่วนไหลกลับเข้ามาได้” นายฐาปนกล่าว