MTC ประกาศดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ 4.25-4.90% ต่อปี เสนอขาย 19 ต.ค.นี้

ปริทัศน์ เพชรอำไพ
ปริทัศน์ เพชรอำไพ

MTC ประกาศดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ 4.25-4.90% ต่อปี พร้อมขาย 19-20 และ 24 ตุลาคมนี้ผ่าน 11 สถาบันการเงินชั้นนำ

วันที่ 11 ตุลาคม 2566 บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (“MTC”) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 ชุด ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน (เฉพาะบุคคลธรรมดา โดยให้บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนสถาบันจองซื้อในฐานะผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น) (Public Offering) ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 10 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 9 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.90% ต่อปี

กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ พร้อมเสนอขายระหว่างวันที่ 19-20 และ 24 ตุลาคม 2566 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท และหุ้นกู้ระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566

               

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และมีผลใช้บังคับแล้ว สำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน (เฉพาะบุคคลธรรมดา) (Public Offering)

โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนขยายกิจการของบริษัทที่ยังโตต่อเนื่อง โดยหลังจากที่บริษัทได้ยื่นอัตราดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้เพื่อสำรวจความต้องการ ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทได้ปรึกษากับผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ และตัดสินใจเคาะอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดดังนี้

  • หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 10 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี
  • หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 9 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี
  • หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.90% ต่อปี

โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ และจะเสนอขายระหว่างวันที่ 19-20 และ 24 ตุลาคม 2566 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท และหุ้นกู้อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566

โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤศจิกายนนี้ และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการของบริษัท ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทมีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 132,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 125,744 ล้านบาท มีรายได้ 6,041 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่มีรายได้ 5,630 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,070 ล้านบาท รวม 6 เดือนของปี 2566 บริษัทมีรายได้ 11,671 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,270 ล้านบาท ในส่วนของจำนวนสาขา ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 298 สาขา ทำให้บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 7,260 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ