ราคาน้ำมันดิบร่วงหนัก ฉุดหุ้นไทยสลับอ่อนตัว จับตาถ้อยแถลงพาวเวลล์

หุ้น น้ำมันแพง

บล.กรุงศรีประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ ฟื้นตัวแนวต้าน 1,400-1,410 จุด ก่อนสลับอ่อนตัว ได้แรงหนุนตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้น-แรงซื้อดักงบฯไตรมาส 3/66 แต่ราคาน้ำมันดิบร่วงหนัก-ชะลอซื้อขายติดตามประชุม FOMC คาดคงดอกเบี้ย (5.25-5.50%) แต่ต้องจับสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตจากถ้อยแถลงเจอโรม พาวเวลล์ จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

วันที่ 31 ตุลาคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี รายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) ดัชนี SET Index เพิ่มขึ้น 8 จุด (+0.55%) ปิดที่ระดับ 1,396 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA ตอบรับกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 ที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET ฟื้นตัวแนวต้าน 1,400-1,410 จุด ก่อนสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้น รวมถึงแรงซื้อดักงบฯไตรมาส 3/2566

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงจากคาดการณ์สงครามในตะวันออกลางจะไม่กระทบด้านซัพพลาย อีกทั้งการชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประชุม FOMC (คาดคงดอกเบี้ย 5.25-5.50%) และจับสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

ประเด็นสำคัญวันนี้คือ ดาวโจนส์บวกแรง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบร่วงหนัก คาดเหตุสู้รบในอิสราเอลยังไม่กระทบอุปทานน้ำมัน โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 511 จุด (+1.58%) ปิดที่ 32,928.96 จุด ตอบรับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งปัจจุบันประกาศงบฯแล้วจำนวน 251 แห่ง มี 78% ผลประกอบการที่ดีกว่าที่ตลาดคาด

ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.23 เหรียญ (+3.78%) ปิดที่ 82.31 เหรียญ/บาร์เรล ประเมินเหตุสู้รบในอิสราเอลจะยังไม่กระทบอุปทานน้ำมันดิบในระยะนี้

วันนี้ติดตาม BoJ Meeting ดัชนี PMI จีน และแบงก์ชาติรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ย. เบื้องต้น Consensus คาด BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.10% ตามเดิม ส่วนจีนลุ้นดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย. ยืนเหนือระดับ 50 เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลบวกต่อกลุ่ม China Play อาทิ วัสดุก่อสร้าง, ปิโตรฯ และปิดท้ายที่รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ย. จากแบงก์ชาติ โฟกัสหลักอยู่ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดหากเป็นบวกมากขึ้น บ่งชี้ฟันด์โฟลว์เริ่มไหลเข้า

กลางสัปดาห์ติดตาม FED Meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.5% ตามเดิม สะท้อนจาก FED Watch Tool นักลงทุนให้น้ำหนัก 95% คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.2-5.5% โดยมีเพียง 3% เท่านั้นที่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 5.5-5.75% อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้าอย่างไร

หุ้นแนะนำวันนี้ ADVANC (ปิด 219 บาท ซื้อ/เป้า 262 บาท) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 ดีเกินคาด โดยมีกำไรสุทธิ 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% QOQ และ 35% YOY สูงกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 11% (ตัดรายการพิเศษออกยังสูงกว่าเราคาดไว้ 5%) หนุนจากยอดขาย iPhone 15 และมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายจำพวกค่าเสื่อมราคาลดลง

BCH (ปิด 20 บาท ซื้อ/เป้า 23 บาท) เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BCH จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3/2566 จากแรงส่งของโรคระบาดที่มากขึ้น รวมถึงมีกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิประมาณ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YOY