STARK คดีคืบหน้า DSI ส่งฟ้อง 11 ผู้ต้องหาแล้ว ตะลึงเส้นทางเงิน 1 หมื่นล้าน

STARK คดีคืบหน้า DSI ส่งฟ้อง 11 ผู้ต้องหาแล้ว ตะลึงเส้นทางเงิน 1 หมื่นล้าน

รักษาการอธิบดี DSI แถลงความคืบหน้าคดีหุ้น STARK ล่าสุด พบเส้นเงินคดีทุจริต 1 หมื่นล้าน ย้อนกลับเข้าบริษัท เล็งประสาน ปปง.ใช้มาตรการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย

วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พลตำรวจตรีพุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.)

และนายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าในการดำเนินการในคดีพิเศษ กรณีการทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งมีผู้เสียหายทั้งสิ้นจำนวน 4,704 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,778,000,000 ล้านบาท (คดีพิเศษที่ 57/2566)

​โดยคดีนี้มีผลกระทบต่อตลาดทุนเป็นอย่างมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษโดยกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน เริ่มสอบสวนเป็นคดีพิเศษเมื่อ 20 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมีพันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนเอง บัดนี้ สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางคดีมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 11 คน ในความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 11 ราย ในความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชน รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยมีเอกสารพยานหลักฐานทั้งสิ้นจำนวน 22 ลัง 140 แฟ้ม 52,968 แผ่น

นอกจากการดำเนินคดีอาญาดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังพบว่ามีการนำเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท โอนเข้ากลุ่มบริษัทของผู้ต้องหา เพื่อไปชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า รวมทั้งยักย้ายถ่ายเทเข้าบัญชีส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งได้ส่งข้อมูลให้สำนักงาน ปปง. พิจารณาดำเนินการติดตามยึดทรัพย์สินดังกล่าว

เพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 49 วรรคท้ายต่อไป