ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ จับสัญญาณ “จีน-ไทย” เงินเฟ้อติดลบเหมือนกัน หวั่นจีนเกิดเงินฝืดแล้วลามมาไทย ห่วงลูกหนี้แบกภาระอ่วม
วันที่ 13 มีนาคม 2567 ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรนาคินภัทร กล่าวว่า ตนรู้สึกกังวลว่า ถ้าจีนเกิดเงินฝืด อาจจะส่งผ่านมาถึงไทยด้วย โดยขณะนี้เงินเฟ้อไทยก็ติดลบเหมือนกับจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่มากของไทย และปัจจุบันไทยก็ขาดดุลการค้าจีนจำนวนมาก โดยจีนส่งออกสินค้ามาไทยจำนวนมาก แถมยังมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยจำนวนมากอีก
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- ปิดทุกสาขาตั้งแต่วันนี้ “อร่อยดี” ร้านอาหารไทยจานด่วน ในเครือ CRG
“จีนกำลังเข้าสู่ภาวะเกือบ ๆ จะ Deflation เดี๋ยวมันจะเป็นโรคติดต่อมาที่เราหรือเปล่า ผมแอบกังวลว่าเงินเฟ้อจีนไปทางไหน เงินเฟ้อไทยก็ไม่ต่างกัน เพราะเขาเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่มากของเรา และขาดดุลการค้าไว้เยอะมาก สินค้าเขามาที่ไทยเยอะมาก ถ้าเขากำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เดี๋ยวจะกระทบติดต่อมาที่เรา
ฉะนั้นปัจจัยที่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเงินเฟ้อไทยจะกลับขึ้นมาอย่างที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดก็คือ จีน แล้วหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องยอมรับความจริงว่า เงินเฟ้อไทยยังไม่ขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าตอนหลังจีนพยายามใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นมาตลอด แล้วถ้าเรายังยืนดอกเบี้ยไว้เราจะเสี่ยง” ดร.ศุภวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนขับเคลื่อนโดยภาคอสังหาริมทรัพย์กว่า 20% ของ GDP ซึ่งดูเหมือนรัฐบาลจีนจะไม่ได้เข้ามาอุ้มในส่วนนี้ แต่ปล่อยให้ลงไป ทำให้เศรษฐกิจจีนขาดเครื่องยนต์ที่เป็นหัวจักรในการขับเคลื่อน จึงต้องหาเครื่องยนต์อื่น ซึ่งเดากันว่าก็คือการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปยังประเทศต่าง ๆ นั่นเอง
“ฉะนั้น ความเสี่ยงมีจริง ๆ ว่าจีนเขาจะทำให้เศรษฐกิจเขาโตได้ 5% ด้วยการส่งออก เป็นหัวหอกสำคัญ โดยไม่ใช่แค่ส่งออกไปยุโรปหรืออเมริกา แต่ไปทั่วโลก ส่วนจะดัมพ์ราคาหรือไม่ ขึ้นกับค่าเงินหยวนด้วย เขาคงไม่ปล่อยให้เงินหยวนอ่อนมาก แต่ถามว่าจะปล่อยให้เงินหยวนแข็งไหม ก็คงยาก ในภาวะแบบนี้” ดร.ศุภวุฒิกล่าว
ดร.ศุภวุฒิกล่าวอีกว่า ต้องระวังว่าอย่าเข้าสู่ภาวะเงินฝืดเด็ดขาด ในยุคที่มีหนี้เยอะ เพราะจะทำให้ลูกหนี้ลำบากมาก ซึ่งการจะช่วยลูกหนี้ต้องพยายามทำให้เศรษฐกิจโต และอย่าให้เกิดปัญหาเงินฝืด