เปิดแผน “วิริยะ” ยักษ์ประกันภัยเบอร์ 1 กับการรักษากำไร 3 พันล้าน

Viriyah

“อมร” เอ็มดี วิริยะประกันภัย กางแผนปี 2567 รักษากำไร 3,000 ล้าน ตั้งเป้าเบี้ยรับรวม 43,000 ล้านบาท โต 6% บุก EV แย้มเปิดคุยผู้ผลิต-เจ้าของแบรนด์อีวีทุกราย ตั้งหน่วยงานพิเศษ-ดึงวิศวกร ให้คำแนะนำเข้าศูนย์ซ่อม ลดข้อผิดพลาด

กาง 2 กลยุทธ์ ขยาย VClaim on VCall ทั่วประเทศ เปิดตัว V-Inspection บริการ AI ช่วยตรวจสภาพรถยนต์ก่อนรับประกัน โชว์พอร์ตลงทุน 6 หมื่นล้าน ลงทุนหุ้นเกือบ 3 หมื่นล้าน ปีที่แล้วผลตอบแทน 4.4%

วันที่ 14 มีนาคม 2567 นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการรักษาระดับการทำกำไรที่ใกล้เคียงกับปี 2566 โดยตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมจะอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) มาจากเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 38,000 ล้านบาท เติบโต 6% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) อีกประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโต 11%

โดยพอร์ตการรับประกันรถอีวีปีนี้ ตั้งเป้าการเติบโตตามตลาด ในเบื้องต้นจะมีการเปิดพูดคุยกับทางผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์รถอีวีทุกราย เพราะบริษัทพร้อมที่จะรับประกัน แต่คงยังไม่สามารถที่จะคาดการณ์การเติบโตของตลาดได้ในเวลานี้

ทั้งนี้ปิดสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีพอร์ตรับประกันรถอีวีรวม 18,000 คัน เบี้ยรับรวมกว่า 400 ล้านบาท เติบโต 200% จากปีก่อนหน้า ที่มีรถอีวีอยู่ 5,000 คัน อย่างไรก็ตามราคาเบี้ยประกันรถอีวีของบริษัทจะยังสูงกว่ารถยนต์สันดาปประมาณ 10-15% ซึ่งเป็นอัตราเบี้ยที่มั่นใจว่าบริษัทยังรับประกันได้

อมร ทองธิว
อมร ทองธิว

“สถานการณ์ยอดเคลมสินไหมของรถอีวีถือว่ายังพอรับได้ ประเมินจากเบี้ยประกันส่วนที่ยังไม่ได้เป็นของบริษัท (Unearned Premium) ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพอร์ตงานรถอีวีรับไว้ไม่มากเกินไป และบริษัทกำลังอยู่ในช่วงระหว่างศึกษา ยังไม่บุกตลาดเชิงรุกเต็มที่ เพราะที่กังวลคือปัญหาทางเทคนิค ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เมื่อก่อนเรามีเจ้าหน้าที่ประเมินราคาค่าซ่อม จะรู้เฉพาะเรื่องเครื่องมือ กลไกในรถสันดาป แต่พอเป็นรถอีวีชิ้นงานเปลี่ยนไป กระบวนการซ่อมเปลี่ยนหมด

ADVERTISMENT

เราจึงต้องมีทีมงานที่เรียนรู้งานซ่อมรถอีวีเพื่อให้เกิดความพร้อมสำหรับผู้ใช้รถอีวีที่ทำประกันกับบริษัท จะได้รับการดูแลเหมือนรถสันดาป จึงตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลเป็นพิเศษ และมีวิศกรที่จะมาให้คำแนะนำในกรณีรถเกิดเหตุแล้วเข้าศูนย์ซ่อม เราจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด อย่างไรก็ดีปีนี้มีความพร้อมอาจจะรุกตลาดเพิ่มขึ้น” นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริม

นายอมรกล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์ปีนี้บริษัทวางไว้ 2 ด้านหลัก ที่จะมุ่งเน้นส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “ปีแห่งความมั่นคงและเป็นธรรม : มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” คือ กลยุทธ์ที่ 1 การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมและบริการ เพื่อให้ประสบการณ์ของผู้เอาประกันได้รับบริการเมื่อเกิดเคลม หรือระหว่างผู้เอาประกันภัยกับวิริยะประกันภัยมีประสบการณ์ที่ดี

ADVERTISMENT

อาทิ มีการเปิดตัว VClaim on VCall 1-2 ปีมาแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มีประมาณ 400,000 เคลม ในกรณีที่ทางผู้เอาประกันต้องการให้บริษัทไปตรวจสอบอุบัติเหตุของเคลมต่าง ๆ

โดยบริษัทจะใช้ VClaim on VCall ในการติดต่อสื่อสารกับผู้เอาประกัน ทำให้การนัดหมายและการรอคอยร่นระยะเวลาลง ซึ่งผู้เอาประกันภัยได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น และปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยาย VClaim on VCall ไปใช้บริการให้ได้ทั่วประเทศ

และอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่นำมาเพิ่มความสะดวกสบายคือ ปีนี้จะเปิดตัวนวัตกรรม “V-Inspection” เป็นบริการที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนการรับประกัน ให้ผู้เอาประกันสามารถตรวจสภาพรถยนต์ได้สะดวกทุกที่ทุกเวลาผ่านมือถือ โดยไม่จำเป็นต้องรอการนัดหมายจากบริษัท

นอกจากนี้ในด้านประกันรถยนต์ยังคงมีการขยายจุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุรถยนต์อย่างต่อเนื่องไปทั่วประเทศ เสริมกับเครือข่ายศูนย์สาขาที่มีอยู่ 150 แห่งทั่วประเทศ

“ถึงแม้ว่าเรามีการใช้เทคโนโลยีเข้ามามาก แต่เราไม่ได้ลดคน ปัจจุบันเรามีพนักงาน 6,700 คน โดยเป็นพนักงานเคลม 2,000 คน แต่สิ่งที่เราทำคือเราพยายามมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพคนและเรียนรู้เพื่อการบริหารจัดการที่ทันสมัยมากขึ้น เพื่อดูแลลูกค้าได้ดีมากขึ้น ขอย้ำว่าวันนี้ถึงแม้เราจะเป็นเบอร์ 1 แต่เราก็ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในปีต่อ ๆ ไป” นายสยมกล่าวเพิ่ม

นายอมรกล่าวอีกว่า และกลยุทธ์ที่ 2 การนำข้อมูล Big Data ที่ได้ดูแลบริหารจัดการความเสี่ยงให้กับลูกค้ากว่า 8 ล้านกรมธรรม์ สะสมมาเป็นระยะเวลาหลาย 10 ปี เพื่อวิเคราะห์พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกัน โดยขั้นตอนคือการวิเคราะห์ข้อมูล ความเสี่ยง และประเมินผลถึงเบี้ยประกันและความคุ้มครองที่เหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโปรดักต์เฉพาะบุคคล

โดยในปีนี้บริษัทมีโปรดักต์ในไปป์ไลน์เตรียมออกสู่ตลาดหลายแบบ อาทิ V-Motor ประกันรถยนต์ตามระยะทาง ขับเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น, ประกันภัยชั้น 1 Good Drive เป็นการการันตีเงินคืนถึง 30% ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยไม่มีการเกิดเหตุ เป็นฝ่ายผิด ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก 2+Good Drive

“และเพื่อให้มั่นใจว่าจะส่งมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าให้กับผู้เอาประกันภัยได้ บริษัทได้ออก Viriyah Privileges เป็นสิทธิพิเศษที่ทางผู้เอาประกันภัยสามารถลงทะเบียนผ่าน Line Official ของบริษัท เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากทางร้านค้าต่าง ๆ ได้มากมาย”

นายสยม โรหิตเสถียร, นายอมร ทองธิว, นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์
นายสยม โรหิตเสถียร, นายอมร ทองธิว, นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์

นายอมรกล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 40,077 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันรถยนต์ 35,633 ล้านบาท และเบี้ยประกันน็อนมอเตอร์ 4,444 ล้านบาท สำหรับสถานการณ์อัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ของธุรกิจประกันรถยนต์ ปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 60% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า

ส่วนลอสเรโชประกันสุขภาพถือว่ามีเคลมที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple diseases) โดยเฉพาะจากโรคทางเดินหายใจจากผลไข้หวัดสายพันธุ์ A และ B

อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัยอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 31 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14% เช่นเดียวกับตลาดประกันภัยรถยนต์ ที่วิริยะประกันภัยยังครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 36 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22% สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคง แข็งแกร่ง และความน่าเชื่อถือของบริษัท

โดยมีความมั่นคงแข็งแกร่งทางการเงิน ในปีที่แล้วบริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) อยู่ที่ 180% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานของเงินกองทุนตามที่กฎหมายกำหนด โดยปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มระดับ CAR ไปแตะ 200%

ในส่วนสินทรัพย์รวมปีที่แล้วมีมูลค่าทั้งสิ้น 68,335 ล้านบาท เป็นสินทรัพย์ลงทุนกว่า 60,000 ล้านบาท แยกเป็นพอร์ตลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและเงินฝาก ประมาณ 31,000 ล้านบาท และพอร์ตลงทุนในหุ้นอีก 29,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นปีที่แล้วจะติดลบไปประมาณ 6% จากผลกระทบภาวะตลาดหุ้นไทยที่ดัชนี SET ปรับตัวลดลงจากระดับ 1,600 จุด เหลือระดับ 1,400 จุด แต่การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและเงินฝากได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้น

ทำให้ปิดสิ้นปี 2566 ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ได้อยู่ที่ระดับ 4.4% และคาดหวังว่าปีนี้จะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ได้ ในเบื้องต้นยังไม่มีนโยบายปรับพอร์ตหรือเพิ่มการลงทุนในหุ้น เนื่องจากสภาวะตลาดหุ้นไทยยังผันผวน

นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนธุรกิจน็อนมอเตอร์ปีนี้ จะให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพส่วนบุคคล ประกันสุขภาพเฉพาะโรค และประกันภัยโรคร้ายแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความคุ้มครอง และบริการที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของลูกค้า (Good Health and Wellbeing)

นอกจากนี้ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันภัยเดินทาง เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตลอดไปจนถึงการพัฒนาประกันภัย Carrier Liability Insurance, Cyber Security Insurance และ Professional Liability Insurance ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการในแต่ละประเภทธุรกิจ

“บริษัทยังมีนโยบายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองแนวคิด ESG Responsibilities ออกมาในรูปแบบ Green Insurance ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ช่วยส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทจึงนำแนวคิด Green Insurance มาพัฒนาร่วมกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีอยู่

อาทิ ให้ความคุ้มครองการทดแทนสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยวัสดุในการปลูกสร้างที่เป็น Eco-Friendly ในการประกันอัคคีภัย นอกจากนี้จะสร้างแรงจูงใจด้วยการให้ส่วนลดเบี้ยประกันพิเศษ เพื่อสนับสนุนให้ใช้วัสดุในการปลูกสร้างที่เป็น Eco-Friendly มากขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่เชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยลดปัญหาของสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้” นางฐวิกาญจน์กล่าว

ในส่วนของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบงาน Non-Motor บริษัทมี Roadmap ในการพัฒนาระบบ New Core System โดยมีการเริ่มใช้งานระบบ New Core Phase 1 ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทาง เมื่อช่วง ธ.ค. 2566 และ Phase ต่อไปในปี 2567 จะเป็นในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการบริการประกันภัยและสินไหมรองรับการเติบโตของบริษัท