กรุงไทยโกยกำไรปี’67 ที่ 4.38 หมื่นล้าน โต 19.8%

กรุงไทย

ธนาคารกรุงไทยประกาศผลงานปี 2567 กำไรสุทธิ 43,856 ล้านบาท โต 19.8% เน้นการเติบโตตามยุทธศาสตร์อย่างยั่งยืน บริหารพอร์ตอย่างสมดุล สินเชื่อโต 4.7% หนี้เสียคุมอยู่ที่ 2.99% 

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัวต่อเนื่องแต่ยังต่ำกว่าศักยภาพ และขยายตัวไม่ทั่วถึงในรูปแบบ K-Shaped Economy โดยมีการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลัก และได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ ทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี’67 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และมาตรการเริ่มต้นแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมถึงภาคการส่งออกที่เติบโตเกินคาดการณ์ จากการเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการด้านภาษีของสหรัฐ

ผยง ศรีวณิช
ผยง ศรีวณิช

อีกทั้งภาคครัวเรือนมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง ภาคการผลิตและภาคการส่งออกกำลังเผชิญกับการตีตลาดของคู่แข่งต่างชาติ ปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขัน เศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางชะลอลงท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ธุรกิจ SMEs บางส่วนยังคงเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัว จึงทำให้ฟื้นตัวได้ช้า

อย่างไรก็ตาม ธนาคารดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย สนับสนุนนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และช่วยเหลือลูกค้าประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก ทำให้สามารถประคับประคองลูกหนี้ได้ อีกทั้งยังได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความเสี่ยงและการลงทุน รวมถึงการบริหารพอร์ตเพื่อค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 43,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% ถ้าไม่รวมรายการตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลง ที่เกิดขึ้นไตรมาส 4 ปี 2566 (กำไรสุทธิเติบโต 19.8% เมื่อเทียบกับปี 2566)

ธนาคารมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมบริหารจัดการ Portfolio อย่างสมดุล ให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ และรักษา Coverage Ratio ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ธนาคารมีสินเชื่อที่เติบโต 4.7% ส่วนใหญ่จากการขยายตัวในกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เป็นกลุ่มยุทธศาสตร์ของธนาคาร สินเชื่อภาครัฐ และการสนับสนุนนโยบายรัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และการจัดการหนี้ ตามแนวทาง Responsible Lending

ADVERTISMENT

ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานขยายตัว 6.4%  ส่วนใหญ่จากค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารและบริษัทย่อย ผลิตภัณฑ์ธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงรายได้จากหนี้สูญรับคืนสะท้อนนโยบายเชิงรุกในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการติดตามหนี้และการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายของธนาคาร มุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ มี Cost to Income Ratio อยู่ที่ 43.2% ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ขยายตัวจากการขยายการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต

ธนาคารยังคงบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น มีสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับควบคุมได้ดีที่ 95,065 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากสิ้นปี 2566 และมี NPLs Ratio 2.99% ลดลงจากสิ้นปี 2566 ให้ความสำคัญกับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ รักษา Coverage Ratio ในระดับสูงที่ 188.6% เพิ่มขึ้นจาก 181.3% จากสิ้นปี เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทั้งนี้ผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 ได้สะท้อนผลกระทบของลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการและมีการแปลงหนี้เป็นทุนบางส่วนตามแผนฟื้นฟูดังกล่าวแล้ว

ADVERTISMENT

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 เทียบกับไตรมาส 4/2566 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 10,475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% หากไม่รวมการตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลง ที่เกิดขึ้นไตรมาส 4/2566 (กำไรสุทธิเติบโต 71.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566)

สินเชื่อเติบโต 4.7% จากการขยายตัวของสินเชื่อในกลุ่มยุทธศาสตร์ บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ มี Cost to Income Ratio เท่ากับ 45.4% เทียบกับไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ลดลง 5.7% โดยหลักจากรายได้จากการดำเนินการลดลง จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและจากรายการเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน ซึ่งสะท้อนภาวะตลาด ในขณะที่สินเชื่อขยายตัวร้อยละ 5.2 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ปี 2567 ธนาคารกรุงไทยขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน” พร้อมให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อก้าวสู่ธนาคารเพื่อความยั่งยืน ทำให้ธนาคารได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ในระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2 ปีต่อเนื่อง

และสร้างสถิติใหม่คว้า 88 รางวัลจากเวทีระดับสากลและองค์กรชั้นนำในประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารมุ่งมั่นขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง ทั้งโครงการสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้กลุ่มเปราะบางสามารถประคองตัว รักษาสินทรัพย์สำคัญต่อความมั่นคงของชีวิตและธุรกิจครัวเรือน เป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาสังคมและความเหลื่อมล้ำทวีความรุนแรงขึ้น

ปี 2568 เป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ โดยศูนย์วิจัย Krungthai Compass ประเมินเศรษฐกิจไทยโต 2.7% ซึ่งยังคงต่ำกว่าศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ทั้งเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำ และการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ อีกทั้งประเทศไทยเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ทั้งสงครามการค้าระลอกใหม่ จากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น จากภาวะ Oversupply ของสินค้าจีน และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่จุดเปลี่ยน (Inflection Point) ที่ต้องการการปรับตัวอย่างเร่งด่วน

และในปีนี้ธนาคารยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิด “Corporate Value Creation เสริมทักษะ สร้างคุณค่า สู่อนาคต” เสริมสร้างและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นในอนาคต (Future Skill) ให้แก่พนักงาน ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าของธนาคารในทุกมิติ เพื่อสร้างการเติบโตและมูลค่าทางเศรษฐกิจบนความไว้วางใจของลูกค้า นำไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต