“ธนารักษ์” หนุนนโยบายรัฐ เล็งปั้น 77 จังหวัดร่วมโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ

“ธนารักษ์” หนุนนโยบายรัฐ เล็งปั้น 18 จังหวัดร่วมโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้ หวังปีงบประมาณ’63 ทุกจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ จับมือก.วัฒนธรรม-ก.ท่องเที่ยวฯ สร้างรายได้ให้ชุมชนยั่งยืน

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก กรมฯ จึงได้จัดโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสนับสนุนทำให้ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน

“โครงการดังกล่าวนี้จะจัดประชุมในพื้นที่ในแต่ละจังหวัดทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งในการนำประชุมในแต่ละครั้งจะทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการออกมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อป ซึ่งกรมฯ จะไม่มีการเก็บค่าเช่าที่กับประชาชน โดยภายในเดือนพ.ย.62 กรมฯ จะดำเนินโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ จำนวน 18 จังหวัด และในปีงบประมาณ 2563 จะเร่งดำเนินการตามโรงการดังกล่าวให้ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ” นายยุทธนา กล่าว

สำหรับโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ จำนวน 18 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี สิงห์บุรี นครนายก กาญจนบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี พังงา สตูล จันทบุรี หนองคาย มุกดาหาร มหาสารคาม อำนาจเจริญ นครราชสีมา ลำปาง เชียงราย พิษณุโลก และนครสวรรค์ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา กรมฯ ได้มอบพื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กส.63 ตำบลหนองกุงศรี อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ พัฒนาเป็นสถานที่สำหรับประชุมและเป็นตลาดแห่งใหม่ให้กับประชาชนในท้องที่ได้นำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจัดจำหน่าย เป็นการสร้างรายได้ให้ประชาชนและชุมชนแล้ว ซึ่งภายหลังจากการจัดทำโครงการดังกล่าวที่จังหวัดกาฬสินธุ์ สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนเป็นจำนวนเงินประมาณ 50,000 – 80,000 บาท

ขณะที่ในวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2562 กรมธนารักษ์ จะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ ครั้งที่ 2 บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.848 (บางส่วน) บริเวณพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีการจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรของชุมชน สินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ชุมชน และผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้าน โดยมีประชาชนในชุมชนเข้าร่วมออกร้านจัดจำหน่ายสินค้าประมาณ 30 ร้านค้า และวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 กรมธนารักษ์ จะจัดโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ ครั้งที่ 3 บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กจ. 209 ชุมชนบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี


ส่วนนโยบายการมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ได้เร่งรัดทำสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้กับประชาชน จากเดิมที่เป็น “ผู้บุกรุก” มาเป็น “ผู้เช่า” โดยได้ดำเนินการมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามโครงการธนารักษ์ประชารัฐให้กับประชาชน จำนวน 300 ราย ประกอบด้วย สัญญาเช่าเพื่อการเกษตร จำนวน 257 ราย และสัญญาเช่าเพื่ออยู่อาศัย จำนวน 43 ราย ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ (บ่อถ่านศิลา) แปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.848 (บางส่วน) ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อำเภอเคียนชา อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน และอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 กรมธนารักษ์ จะมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามโครงการธนารักษ์ประชารัฐให้กับประชาชน แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กจ 209 เขตพัฒนาเศรษฐกิจกาญจนบุรี (นอกเขตอุตสาหกรรม) หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 141 ราย โดยเป็นสัญญาเช่าเพื่อการเกษตร อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวในตอนท้าย