ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังตัวเลขสหรัฐออกมาดีเกินคาด

ภาพประกอบข่าวดอลลาร์สหรัฐ
แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (28/11) ที่ระดับ 30.24/25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (27/11) ที่ระดับ 30.22/23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ในปีนี้ (2562) ซึ่งออกมาที่ร้อยละ 2.1 ปรับตัวสูงกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.9 โดยเศรษฐกิจสหรัฐ ได้รับแรงหนุนจากมูลค่าของสินค้าคงคลังและการลงทุนในโครงสร้างที่ได้รับการปรับทบทวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้เปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6 ในเดือนตลาคม สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 1.1 หลังจากลดลง 1.4 ในเดือนกันยายน

นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (27/11) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต (Beige Book) ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน และแนวโน้มการเติบโตยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ตลาดแรงงานทั่วประเทศยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงงานในสหรัฐยังไม่เพียงพอรองรับความต้องการของนายจ้าง ขณะที่กลุ่มผู้ค้าปลีกรายงานว่าต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร และคาดว่าจะเป็นสาเหตุให้บริษัทต่าง ๆ ปรับขึ้นราคาสินค้า ในส่วนของภาคการเกษตร หลายพื้นที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและราคาผลผลิตตกต่ำ นอกจากนี้เกือบทุกเขตรายงานว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคขยายตัวปานกลาง โดยมีหลายเขตรายงานว่ายอดขายรถยนต์และรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวาน (27/11) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง กฎหมายดังกล่าวจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบในการทำลายเสรีภาพขั้นพื้นฐานและการปกครองตนเองในฮ่องกง นอกจากนี้ ร่างกฎหมายจะกำหนดให้มีการทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ โดยการทบทวนดังกล่าวจะพิจารณาว่า ฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนหรือไม่ โดยนักลงทุนมีความกังวลว่าการตัดสินใจลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับจีน ขณะที่สหรัฐและจีนยังคงเดินหน้าเจรจาการค้าต่อไป ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.23-30.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (28/11) ที่ระดับ 1.1005/06 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (27/11) ที่ระดับ 1.1004/05 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวในกรอบแคบขณะที่นักลงทุนความคืบหน้าของสถานการณ์การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0997-1.1018 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1012/14 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (28/1) ที่ระดับ 109.36/38 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (27/11) ที่ระดับ 109.15/17 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนอ่อนค่าลงถึงแม้นักลงทุนมีความกังวลว่า การลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงของประธานาธิบดีทรัมป์ จะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการบรรลุข้อตกลงทางการค้า นอกจากนี้ กระทรวงการค้าของญี่ปุ่นเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนตุลาคมปรับตัวลดลงร้อยละ 7.1 ลดลงมากกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 3.8 ซึ่งลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีการบริโภคส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 109.32-109.57 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 109.42/44 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกประจำเดือนตุลาคมของเยอรมนี (29/11) ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคมของญี่ปุ่น (29/11) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนตุลาคมของญี่ปุ่น (29/11) ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคมของสหภาพยุโรป (29//11) และอัตราการว่างงานประจำเดือนตุลาคมของสหภาพยุโรป (29/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.25/-1.90 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.5/0.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ