“ไวรัสโคโรนา” กระทบเศรษฐกิจลากยาว 6 เดือน หวั่นทุบจีดีพี’63 โตต่ำ 2%

“บลจ.ทาลิส” ระบุ ไวรัสโคโรนากระทบเศรษฐกิจไทยลากยาว 3-6 เดือน หวั่นทุบจีดีพีโตต่ำ 2% ฉุดรายได้ท่องเที่ยวไทยสูญกว่า 1.5 แสนล้านบาท มอง กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันที่ 5 ก.พ.63 นี้ ฟากตลาดหุ้นไทยคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,500 – 1,750 จุด พร้อมตั้งเป้า AUM สิ้นปี’63 โตก้าวกระโดดที่ 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล โฟกัสลงทุนหุ้นไทย

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบของโรคระบาดไวรัสโคโรนาคาดว่าจะเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ปีนี้หดตัวเหลือแค่ 1.9% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 3% เนื่องจากขณะนี้ทางการจีนได้ประกาศสั่งห้ามพลเมืองเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนช่วงไตรมาสแรกจะลดลงกว่าครึ่ง จากเดิมเฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยประมาณ 9 แสนคนต่อเดือน จะหดตัวเหลือแค่ 5 แสนคนต่อเดือน แบ่งเป็นกลุ่มที่มาเที่ยวเอง 60% และอีก 40% ร่วมเดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ โดยนักท่องเที่ยวจีนถือเป็น 26% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทยทั้งหมดกว่า 40 ล้านคนต่อปี

ทั้งนี้ประเมินว่าผลกระทบจะลากยาวอย่างน้อย 3-6 เดือนต่อจากนี้ และคาดนักท่องเที่ยวจีนจะหายไปราว 3 ล้านคน ซึ่งค่าใช้จ่ายคนจีนที่เดินทางมาเที่ยวไทยเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อคนต่อการเดินทาง จะส่งผลกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวของไทยราว 1.5 แสนล้านบาท หรือกระทบประมาณ 1% ของจีดีพี แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการท่องเที่ยวของไทยมีโอกาสจะกลับมาฟื้นตัวได้ช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนค่าเงินบาทปีนี้มองแกว่งในกรอบ 29-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบันที่ระดับ 30.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มองว่ายังแข็งค่าเกินไปทำให้ความสามารถการส่งออกลดลง ประกอบกับความล่าช้าการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ทำให้มีความเป็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 1.25% มาอยู่ที่ 1%ในการประชุมที่จะถึงนี้ (5 ก.พ.63) และมองว่าทั้งปีคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 – 2 ครั้งในปีนี้

“ตอนนี้ภาครัฐหนุนให้เอกชนไปลงทุนนอก ไปลงทุนโดยตรง ไปลงทุนในกองทุน แต่จะมีคนอีกเยอะมากที่ไม่ไป เรามองว่าถ้าเม็ดเงินไหลออกไปสัก 1 ล้านล้านบาท จากเงินฝาก 10 ล้านล้านบาท จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน หรือจะต้องให้คนไทยเปิดบัญชีการฝากเงินสกุลต่างประเทศ อาทิ ดอลลาร์ เยน ยูโร หยวน เพื่อให้คนไทยมาช่วยแบงก์ชาติต่อสู้ค่าเงินบาทแข็ง” นายประภาสกล่าว

ด้านมุมมองการลงทุนตลาดหุ้นไทย ประเมินว่าหากอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีกจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยที่จะปรับเพิ่มขึ้น 70-80 จุด หาก กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% แต่หากประมาณการกำไรสุทธิถูกปรับลดลง 4% จะหักล้างผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยลดลง 0.25% เช่นกัน โดยคาดว่าดัชนีปีนี้จะแกว่งตัวในกรอบ 1,500 – 1,750 จุด บนระดับ P/E ที่ 15 – 17.3 เท่า ภายใต้การประมาณการของการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS) ประมาณ 11% โดยธุรกิจที่ให้ความสนใจในปี 63-64 คาดจะมีการเติบโตของกำไรสุทธิต่อเนื่องและสามารถประมาณการกำไรได้ง่ายคือ กลุ่มพาณิชย์, กลุ่มเงินทุน, กลุ่มขนส่ง-ทางอากาศ

ปัจจัยบวกที่หนุนตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นปีนี้ เพราะส่วนหนึ่งปี 62 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นทั่วโลกจากการเติบโตของเศรษฐกิจ และผลประกอบการที่ออกมาไม่ดีนัก บวกกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงินจากการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องทั่วโลกจะโยกมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย ส่วนปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นพัฒนาการของสงครามการค้าและความกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้าย (ปัญหาสหรัฐกับอิหร่าน) การแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา สถานการณ์ภัยแล้ง เสถียรภาพรัฐบาล และการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทาลิส กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตก้าวกระโดด โดยคาดว่าจะมีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (AUM) เป็น 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ 13,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 131% จากสินทรัพย์รวม 5,664 ล้านบาทในปี 2561 โดยการขยายตัวยังคงมาจากธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเป็นหลัก มีสัดส่วนถึง 83% ของสินทรัพย์ทั้งหมด โดยมีลูกค้าสถาบันจากต่างประเทศให้ความไว้วางใจมากขึ้น ส่งผลให้ปีที่แล้วมีกองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนในหุ้นไทยมีสินทรัพย์รวม 11,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4,529 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังเน้นกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นปันผลและหลักทรัพย์กลุ่ม REIT สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 15.72%

นอกจากนี้ยังได้เตรียมเปิดรับสับเปลี่ยนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สำหรับผู้ที่ต้องการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทบริหารกองทุน LTF อยู่ 2 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนเปิดทาลิส หุ้นระยะยาว (TLLTFEQ) และกองทุนเปิดทาลิส DIVIDEND STOCK หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D)

“เราพยายามจูนลูกค้าให้เข้าใจภาพการบริหารหรือการลงทุนที่เราอยากจะทำให้เขาเข้าใจที่สุด โดยตอนนี้พยายามเดินไปพบลูกค้าเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น”