รวมถามตอบประเด็น ตลาดไทยและต่างประเทศ (จบ)

คอลัมน์ ลงทุนทั่วโลก
สุรศักดิ์ ธรรมโม
บลจ.วรรณ

ผมได้รับคำถามที่น่าสนใจหลายข้อ ผมเลยคิดว่าการนำถามและสิ่งที่ผมตอบ (เป็นมุมมองส่วนตัว) มาเสนอที่นี้น่าจะเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ความเห็นผมอาจผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้นผู้อ่านพึงระวัง

คำถามที่ 3 ขณะนี้ผลเลือกตั้งสหรัฐมีความชัดเจนแล้วว่านายไบเดนชนะเลือกตั้ง อยากทราบกลยุทธ์การลงทุนและการจัดการความเสี่ยง ?

ตอบ ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐโดยนายไบเดนชนะ ขณะที่พรรคเดโมแครตได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร (คองเกรส) แต่ไม่ได้เสียงข้างมากในวุฒิสภา (ซีเนต) กล่าวได้ว่าผลเลือกตั้งล่าสุดนี้บ่งชี้ความแตกแยกความคิดรุนแรงของพลเมืองสหรัฐ ทำให้การผ่านกฎหมายสำคัญ เช่น การขึ้นภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาทำได้ยาก (ผลบวกมากต่อตลาด) แต่วงเงินจำนวนมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนเดโมแครตเป็นไปได้ยาก (ปัจจัยลบเล็กน้อย เพราะยังมีวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจตามข้อเสนอพรรครีพับลิกัน แต่อาจจะไม่ได้มากเท่ากับที่ตลาดคาด)

ผมคาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้น (จนถึงเดือน ม.ค. 64) และอาจจะมีปรับฐานเล็กน้อย ในเชิงพื้นฐาน แม้จะมีปัจจัยบวกจากความก้าวหน้าวัคซีน แต่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยฟื้นตัวจะเป็นรูป U คือฟื้นเชื่องช้าและใช้เวลา 1-3 ปีที่ระดับเศรษฐกิจจะกลับสู่ภาวะก่อนระบาด แต่ในรายประเทศจะมีเพียงสหรัฐและจีนที่เศรษฐกิจฟื้นเป็นรูปตัว V หรือเศรษฐกิจฟื้นตัวโดดเด่นชัดเจน

ในเชิงการลงทุน หลังการระบาดของโควิด-19 และตอนนี้เรากำลังจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิผลสูงในไตรมาสแรกปีหน้า ผมเสนอว่า แนวคิดลงทุนควรอยู่บนพื้นฐาน 1) return to normal life หรือการที่ประชาชนและธุรกิจจะเริ่มกลับมาดำเนินชีวิตและวิถีทางธุรกิจตามปกติ ซึ่งในเชิงกลยุทธ์ลงทุนคือ mean reversion คือหุ้นหรือราคาสินทรัพย์ตัวใดที่ลดลงมากจากผลการระบาดของโควิด-19 จะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาสู่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยข้อ 2) ดังจะกล่าวถึงในรายละเอียดด้านล่างต่อไป คือปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ วิถีชีวิตและธุรกิจใหม่ (structural change) โดยมีเทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบสำคัญ

Advertisment

เพราะฉะนั้น การใช้กลยุทธ์ลงทุน mean reversion จึงต้องระมัดระวัง และควรกำหนดเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น มีจุดเข้าออกเมื่อกำไรได้ตามเป้าหมายและบริหารความเสี่ยงด้วยการกำหนดจุดขายตัดขาดทุน ยกตัวอย่างเช่น น้ำมัน แน่นอนว่าราคาเฉลี่ยจากข้อมูลในอดีตอาจจะอยู่ประมาณ $60-70/bbl หรือเพิ่ม 27-48% จากราคาปัจจุบัน

เมื่อปัจจุบันโลกกำลังถอยห่างจากการใช้น้ำมันและกำลังมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก การลงทุนในน้ำมันหรือหุ้นบริษัทน้ำมันโดยคิดว่าราคาจะกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยตามที่เกิดขึ้นในอดีตจะไม่ถูกต้องนัก เมื่อคำนึงถึงปัจจุบันที่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างกำลังดำเนินในอัตราเร่ง

2) The great accelerator from COVID-19 to new economy ก่อนการระบาดของโควิด-19 วิถีชีวิตและเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจใหม่ที่มีเทคโนโลยี ระบบออนไลน์ ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ โดยมีระบบ 5G สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านในอัตราเร่งอยู่แล้ว แต่โควิดทำให้การเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตและรูปแบบการดำเนินธุรกิจในทางระบบเศรษฐกิจใหม่ดำเนินในอัตราเร่งมาก ฉะนั้นถึงแม้ว่าเราจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิผลสูงในการป้องกันโควิด-19 และแจกจ่ายไปทั่วโลก แต่ไม่มีทางที่วิถีชีวิตและการดำเนินธุรกิจจะกลับมาในรูปแบบเดิม 100% ก่อนโควิดระบาด

นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในทุกธุรกิจและอุตสาหกรรม ระดับการเปลี่ยนแปลงแบบรื้อรูปแบบและโครงสร้าง (disrupt) ธุรกิจและอุตสาหกรรมแตกต่างกันออกไปตามลักษณะจำเพาะของอุตสาหกรรม แต่ภาพการ disrupt เป็นไปในอัตราเร่ง และนี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง (structural change) ทำให้การลงทุนและถือยาวตามกลยุทธ์ mean reversion ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอัตราเร่งมากที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

Advertisment

ประเด็นความสัมพันธ์สหรัฐและจีน ผมเห็นว่าบทความว่าที่ประธานาธิบดีไบเดน ในต้นปีนี้ที่ลงในวารสาร Foreign Affairs (ดู Biden Jr., Joseph, “Why America Must Lead Again”, March/April 2020) บ่งชี้ถึงการปิดล้อมจีนโดยสหรัฐและพันธมิตร ซึ่งจะเป็นการแข่งขันกันเสนอประโยชน์ให้พันธมิตรทั่วโลกว่าจะอยู่กับระบบผลประโยชน์ของ US หรือจีน ข่าวดีคือเราคงจะไม่เห็นความผันผวนจากนโยบายต่างประเทศรายวันผ่าน twitter แต่ข่าวร้ายคือสหรัฐและจีน ยังคงมีความสัมพันธ์ที่เป็นทั้งหุ้นส่วนและคู่แข่งกันอย่างเข้มข้นต่อไป

กล่าวโดยสรุปแล้ว ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ผมชอบหุ้นที่เติบโตสูง หรือ growth theme มากที่สุด โดยหุ้นกลุ่มที่ชอบคือ global mid-small cap growth ขณะที่หุ้น trading ideas สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำหุ้นกลุ่มการเงินโลก สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ผมคิดว่าเวียดนามคือประเทศที่ได้เปรียบอย่างมากในโลกยุคนี้ นักลงทุนที่ลงทุนระยะยาวและรับความเสี่ยงได้สูง อาจจะพิจารณาลงทุนในหุ้นเวียดนาม นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นหุ้นกลุ่มที่เหมาะสมในการลงทุนระยะกลาง-ยาวเช่นกัน