คลัง ชี้โควิดรอบใหม่ คนจับจ่ายน้อยลง ยอดขายรถยนต์ติดลบ 46.9%

คน เดิน หน้ากาก
Photo by Mladen ANTONOV / AFP

คลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ม.ค.64 ชี้โควิดระบาดรอบใหม่กระทบการใช้จ่าย-ท่องเที่ยว หดตัว แต่เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี เงินเฟ้ออยู่ที่ -0.3% ต่อปี หนี้สาธารณะตามกรอบวินัยการเงินการคลัง คาดสงกรานต์ปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว แม้ครึ่งปีแรกนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมา

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมกราคม 2564 พบว่า ส่งสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ทั้งในด้านการใช้จ่ายภายในประเทศ และในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2563 อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ายังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า” โดยมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่กลับมาลดลงที่ร้อยละ -46.9 และ -6.6 ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ลดลงร้อยละ -7.8 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงมาอยู่ที่ระดับ 47.8 จากระดับ 50.1 ในเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ระลอกใหม่ภายในประเทศ ทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน อย่างไรก็ดี รายได้เกษตรกรในเดือนมกราคม 2564 ยังคงขยายตัวได้ที่ร้อยละ 8.0 ต่อปี

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์กลับมาลดลงร้อยละ -5.4 ต่อปี ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ขยายตัวร้อยละ 1.6 ต่อปี อย่างไรก็ดี การจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงที่ร้อยละ -9.9 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคการค้าระหว่างประเทศขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 0.4 ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ 1) สินค้าอาหาร เช่น น้ำมันปาล์ม และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) อาทิ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์และอุปกรณ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น และ 3) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ และถุงมือยาง

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 83.5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ในหลายจังหวัด ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับผู้ส่งออกประสบปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น

สำหรับบริการด้านการท่องเที่ยว พบว่า ในเดือนมกราคม 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจ จำนวน 7,649 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป โดยเฉพาะฟินเเลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เเละเดนมาร์ก นอกจากนี้บางส่วนเป็นนักท่องเที่ยวชาวอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ในขณะที่ภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.9 ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.3 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ร้อยละ 52.1 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 256.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้านนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2564 ขึ้นอยู่กับทิศทางการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะเห็นสัญญาณดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่องการควบคลุม ระหว่างรอวัคซีน และนโยบายดูแลเศรษฐกิจของรัฐบาลหลังจากนี้ด้วย ซึ่ง สศค. ประเมินว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะกระทบเศรษฐกิจในไตรมาส 1 แต่คาดว่าช่วงสงกรานต์ปีนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากช่วงสงกรานต์เมื่อปีที่แล้ว ยังอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด

อย่างไรก็ดี ยังประเมินว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จะยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย คาดว่าจะเดินทางเข้ามาได้ในช่วง ไตรมาส 3 ของปี 2564 จำนวน 1 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเอเชีย ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรป ขณะนี้เริ่มได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว คาดว่าจะสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จำนวน 4 ล้านคน