หุ้นกลุ่ม “ก่อสร้าง-วัสดุ” สูญแสนล้าน ล็อกดาวน์แคมป์ฉุดกำไรวูบ

(File Photo by Romeo GACAD / AFP)

“บล.กสิกรไทย” ชี้รัฐล็อกดาวน์ฉุดธุรกิจก่อสร้างสูญเงินแสนล้าน หุ้น “รับเหมา-วัสดุก่อสร้าง” อ่วมสุด คาดกดดันดาวน์ไซด์กำไรหาย 8-15% จับตาเซ็นเลื่อนสัญญาจ้างระหว่างเอกชนด้วยกัน หวั่นไม่เลื่อนเจอค่าปรับบาน พร้อมจับตาท่าทีผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศถ้าสั่งปิดแคมป์คนงานยิ่งกระทบหนัก

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กลุ่มหุ้นที่จะได้รับผลกระทบมาตรการล็อกดาวน์ 10 จังหวัดที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป จะมีทั้งทางตรงและทางอ้อม

โดยผลกระทบทางตรงมีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ ก่อสร้าง,วัสดุก่อสร้าง, ร้านอาหารและหุ้นห้างสรรพสินค้า ส่วนผลกระทบทางอ้อมเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เช่น สายการบิน, โรงแรม, ธนาคารและการเงิน

สำหรับกลุ่มก่อสร้าง ปัจจุบันภาคงานก่อสร้างคิดเป็นประมาณ 8% ของ GDP ซึ่งประเมินว่า หากหยุดงานก่อสร้างไปประมาณ 1 เดือน ผลกระทบน่าจะอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่เบื้องต้นยังประเมินผลกระทบต่อกำไรกลุ่มหุ้นก่อสร้างได้ค่อนข้างลำบาก เพราะจากการสอบถามไปยังผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ได้รับข้อมูลสัดส่วนที่ชัดเจนระหว่างคนงานในการก่อสร้างที่เป็นคนงานที่มีเงินชดเชยจากประกันสังคม มาตรา 33 กับคนงานที่ได้เข้าเงื่อนไขดังกล่าว

ส่วนการเลื่อนงานก่อสร้างเป็นปัจจัยลบเฉพาะตัว และอาจส่งผลให้เลื่อนการรับรู้รายได้ แต่ปัจจุบันยังประเมินดาวน์ไซด์ลำบาก เพราะยังไม่ทราบต้นทุนจากคนที่ได้หรือไม่ได้เงินชดเชยคิดเป็นเท่าไร เพราะล่าสุดข่าวที่ออกมาคือจะชดเชยให้เฉพาะคนที่อยู่ในประกันสังคม 2,000 บาท และจ่ายขั้นต่ำไม่เกิน 7,500 บาท

“รอบนี้สิ่งที่สำคัญคือ เวลาเลื่อนการส่งมอบงานก่อสร้าง เข้าใจว่าภาครัฐไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมีการเซ็นเลื่อนเวลาสัญญาจ้างให้ เพราะไม่เช่นนั้นจะโดนค่าปรับแต่สำหรับภาคเอกชนไม่แน่ใจว่าจะตกลงกันอย่างไรเพราะโดยปกติมูลค่าโครงการก่อสร้างมูลค่าหลักพันล้านบาท ถ้าดีเลย์ไป 1 วัน เสียค่าปรับเป็นหลักล้านบาท หรืออยู่ประมาณ 0.1-0.2% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าภาคเอกชนจะอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่เลื่อนยังตอบยาก” นายสรพลกล่าว

อย่างไรก็ดี นายสรพลกล่าวว่า โดยสรุปคาดว่าผลกระทบหยุดงานก่อสร้าง 1 เดือน จะเป็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณกำไรหุ้นก่อสร้าง 8-15% ที่จะหายไป

ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากประกาศปิดเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล แต่มีโอกาส พอปิดแคมป์คนงานที่บางคนไม่ได้รับเงินชดเชย อาจจะเริ่มมีการเดินทางกลับไปก่อสร้างที่จังหวัดอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกล็อกดาวน์

เพราะฉะนั้น ต้องติดตามต่อไปว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะมีการสั่งปิดแคมป์คนงานทุกจังหวัดเลยหรือไม่ ซึ่งถ้าปิดหมด คาดว่าหุ้น บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL), บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และ บมจ.ดูโฮม (DOHOME) จะได้รับผลกระทบหนัก แต่ถ้าไม่ปิดทุกจังหวัดหมด ผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะมีรายได้จากผู้รับเหมาในสาขาของพื้นที่ กทม.และปริมณฑล คิดเป็นประมาณ 1-2%

ส่วนกลุ่มร้านอาหาร คาดว่าอัตราการเติบโตของรายได้ธุรกิจร้านอาหารของสาขาเดิม (SSSG) จะกลับไปทำสถิติต่ำสุดรอบใหม่ (new low) แต่คงไม่ต่ำไปกว่าช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนยอดผู้ใช้งานทางด่วนและรถไฟฟ้าน่าจะลดลงด้วย

“ในเดือน ก.ค.ที่ล็อกดาวน์ ไม่น่าจะลงไปทำ new low เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. ที่มีผู้ใช้งานทางด่วนอยู่ที่ 6.6 แสนราย จากปกติจะมีผู้ใช้งานประมาณ 1.2 ล้านราย ส่วนผู้ใช้งนรถไฟฟ้าไม่น่าหลุด 9 หมื่นราย จากปกติ 3.8 – 4 แสนราย” นายสรพลกล่าว