เปิดโมเดล ADVANC ตั้งบริษัทให้เช่าเสามือถือ คุ้มกว่าขายเข้ากองอินฟราฯ

“บล.กสิกรไทย” เปิดโมเดล GULF ดึงเงินซื้อหุ้นกลับคืน ใช้วิธีตั้งบริษัทให้เช่าเสาโทรคมนาคม (TowerCo) คุ้มกว่าการขายเสามือถือเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพราะได้เงินปันผลก้อนใหญ่ระยะสั้น-เม็ดเงินที่ต้องสร้างเสาในอนาคตลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว-รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น” ประเมินมูลค่าเสา 22,000 ต้น เม็ดเงินที่ได้รับก่อนหักภาษีมูลค่ารวม 88,000 ล้านบาท

 

วันที่ 11 สิงหาคม 2564 นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วิธีการที่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF จะสามารถนำเงินที่ซื้อหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH กลับคืนมาโดยเร็วที่สุดมีอยู่หลายวิธีคือ 1.การเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล(เป็นวิธีง่ายสุด)

2.การนำทรัพย์สินที่มีอยู่ออกไปก่อให้เกิดดอกออกผล เช่น การนำสินทรัพย์จากธุรกิจโทรคมนาคมของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ขายเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund: IFF) ซึ่งจะเป็นลักษณะคล้ายกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) เพื่อนำเงินไปชำระหนี้หรือขยายการลงทุนต่อ

นอกจากนี้ มีอีกวิธีหนึ่งที่ถูกพูดถึงน้อยแต่ค่อนข้างมีความน่าสนใจกว่าคือ 3.การจัดตั้งโครงสร้างบริษัทให้เช่าเสาโทรคมนาคม(TowerCo) เหมือนกับบริษัทมือถือในต่างประเทศเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบรรดาบริษัทมือถือในต่างประเทศเริ่มรู้สึกว่าการมีเสามือถืออยู่ในบริษัทมากเกินไปทำให้ผลตอบแทนต่ำ เพราะสร้างเสาเองและใช้เองเจ้าเดียว ประกอบกับการลงทุนในอนาคตมีแต่จะแพงขึ้น ขณะที่ช่วงเปลี่ยนสู่ยุค 5G รายได้ไม่ได้เพิ่มตาม เพราะด้วยสภาวะเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ไปเร็วเกินไป ทำให้ความสามารถในการลงทุนของผู้ประกอบการต่ำลงถ้ายังทำแบบเดิม

“จุดแข็งของบริษัทมือถือคือต้องให้บริการที่ดีกับลูกค้า ดังนั้นต้องเอาส่วนงานนี้แยกออกมาตั้งเป็นบริษัท อาจจะเป็นอิสระมีความชำนาญในการหาพื้นที่ตั้งเสามือถือ ซึ่งหมายความว่าต่อจากนี้ไป ADVANC จะลงทุน ลำดับแรกต้องไปคุยกับบริษัทที่ทำ TowerCo ก่อนว่าจะตั้งเสาพื้นที่บริเวณนี้ ใช้เงินลงทุนและคิดเช่าเท่าไหร่ ซึ่งปัจจุบันต้นทุนในการสร้างเสาประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อต้น ดังนั้นเมื่อค่าเช่าถูกกว่าสร้างเองเชื่อว่าโมเดลนี้จะเกิดทันที

โดยถามว่าค่าเช่าจะถูกกว่าสร้างเองเมื่อไหร่ ก็ต่อเมื่อบริษัทที่ทำ TowerCo สามารถสร้างเสา 1 ต้นและปล่อยให้ผู้ประกอบการหลายๆ คนมาเช่าในเสาต้นเดียวกัน ได้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยมาร์จิ้นที่อยากจะได้” นายพิสุทธิ์ กล่าว

นายพิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า โมเดลนี้จะมีมูลค่า(Value) กว่าทั้งในระยะสั้นและระยาวให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งดีกว่าการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพราะได้ทั้งเงินปันผลก้อนใหญ่ในระยะสั้นแม้จะไม่มากเท่ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานแต่ก็มากพอ ขณะที่ในระยะยาวเม็ดเงินที่ต้องสร้างเสาในอนาคตจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะ TowerCo Model ต้องไปลงทุนเพิ่มหาทรัพย์สินใหม่ ในขณะที่กอง IFF ไม่ได้ทำอะไรเลยดูแลแค่ทรัพย์สินอย่างเดียว ซึ่งในอนาคตบริษัทดังกล่าวอาจจะไม่ได้แค่ปล่อยให้เช่าเสามือถืออย่างเดียว จะมีอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ที่จะพัฒนาได้ต่อยอดไปอีก

ปัจจุบันเสามือถือ AIS มีทั้งหมด 35,000 ต้น แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.สร้างเอง/เป็นเจ้าของ จำนวน 22,000 ต้น และ 2.เช่าเสาสัมปทานจากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT อีกจำนวน 13,000 ต้น ซึ่งส่วนที่จะนำมาดำเนินการได้คือส่วนของเสาที่เป็นเจ้าของเอง จำนวน 22,000 ต้น

สมมุติขายให้กับบริษัทที่ทำ Tower-Co ถ้าพิจารณาจากราคาขายของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ไปให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล(DIF) ประมาณ 4-5 ล้านบาทต่อต้น จะได้เงินประมาณ 88,000 ล้านบาท (เฉพาะเสามือถือไม่รวมสายไฟเบอร์) ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินที่ได้รับก่อนหักภาษีและก่อนที่จะลงทุนกลับ ส่วนไส้ในที่ต้องกลับไปเช่าเสาต่อกี่เปอร์เซ็นต์ และจะลงทุนถือหุ้นในบริษัทที่ทำ Tower-Co ด้วยหรือไม่ ก็จะต้องหักออกจากวงเงินดังกล่าว

“ปัจจุบัน GULF ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขของ INTUCH ที่ราคาหุ้นละ 65 บาท ไปทั้งหมดสัดส่วน 23.32% ใช้เงินลงทุนประมาณ 48,611 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมกับหุ้น INTUCH ที่ GULF ถืออยู่ก่อนสัดส่วน 18.93% ปัจจุบัน GULF กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 42.25% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด และตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) สามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้ถึงสัดส่วน 49.9% ภายใน 1 ปีที่ราคาไม่สูงกว่า 65 บาท แต่ในเบื้องต้นทางบริษัทไม่ได้เปิดเผยว่าจะซื้อเพิ่มหรือไม่” นายพิสุทธิ์ กล่าว