รมช.คลัง สั่งกรมศุลกากร ศึกษาแนวทางปิดช่องโหว่คดีจับกุมรถผิดกฎหมาย ชี้อาจยกเลิกให้รางวัลนำจับ–ปรับลดอัตรารางวัล พร้อมตั้งคณะกรรมการตรอบสอบการจับกุมรถ ป้องกันการทุจริต
วันที่ 28 ส.ค.64 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมศุลกากรศึกษาหาทางปิดช่องว่าง เรื่องส่วนแบ่งรางวัลนำจับ คดีรถที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า รางวัลนำจับที่สูงทำให้ เกิดกระบวนการทุจริต เพื่อรับรางวัลนำจับได้ โดยอาจจะให้ยกเลิกการให้รางวัลนำจับ หรือ หากยังต้องทำการจูงใจ เจ้าหน้าที่จับกุมและประชาชน ในการชี้เบาะแสนั้น ก็ให้ลดรางวัลนำจับให้เหลือนำที่สุด เป็นแค่เพียงค่าจูงใจเท่านั้น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเรื่องการจับกุมรถ และศึกษาแนวทางการปรับปรุงเรื่องรางวัลนำจับให้รัดกุมที่สุด รวมทั้งยังสั่งการให้ประสานกับ กรมการขนส่งทางบก เพิ่มการตรวจสอบที่เข้มงวด และงดการจดเบียนรถที่มาจากกรณีการจับกุม เพื่อเป็นอีกทางที่จะลดการทุจริตได้
ทั้งนี้ กรมศุลการได้ รายงานข้อมูลเรื่อง การจับกุมรถลักลอบเข้าประเทศ อย่างผิดกฎหมาย ที่มีลักษณะคล้ายกับ คดีของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ พบว่า รถที่จับกุมได้ จำนวน 95% เป็นการจับกุมโดยตำรวจ จากนั้นจึงทำการส่งต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีต่อ และส่วนใหญ่ ยังพบว่า คดีรถที่จับกุมได้ ไม่มีผู้ต้องหา เพราะไม่พบเจ้าของ จึงทำให้อัยการสั่งฟ้องไม่ได้
หลังจากนั้น รถที่ยึดได้จะส่งให้ กรมศุลกากร ดำเนินการตามพิธีศุลกากรต่อไป และเมื่อรถที่ยึดไม่มีผู้มาแสดงความเป็นเจ้าของ ก็จะกลายเป็นทรัพย์สินของแผ่น แต่พอมีจำนวนมากเข้า กรมศุลกากรก็ไม่มีที่เก็บ จึงทำการเปิดประมูลรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และนำรายได้ส่งเข้าแผ่นดิน
ซึ่งเมื่อรถถูกประมูลได้ เงินที่ได้ก็จะแบ่งเป็นส่วนของรางวัลนำจับ จะมีการแบ่งเงินสินบนให้กับสายข่าวต่าง ๆ อัตรา30% และแบ่งเป็นเงินรางวัลนำจับที่จัดสรรให้กับผู้นำจับ อีก 25% อย่างไรก็ตาม กรมศุลกากรได้แก้ไข ระเบียบกฎหมายใหม่ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ได้กำหนดให้เงินสินบน 20% และเงินรางวัลนำจับ 20% แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคัน