คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติ
เสียงออกมาท้วงติงของอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงความเสี่ยงจากการจัดทำนโยบายงบประมาณขาดดุลของรัฐบาล
โดย “ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์” อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ ช่วงปี 2540-2541 บอกว่า ผู้ว่าการแบงก์ชาติในปัจจุบันคงต้องออกแรง “เตือน” รัฐบาลในเรื่องนี้มากขึ้น ต้องพยายามทำหน้าที่ให้มากที่สุด
- บัตรเครดิตซิตี้ ย้ายไป UOB บัตรประเภทไหน เปลี่ยนแปลงอย่างไร
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
และต้องพิจารณาว่าหากเมื่อไหร่มีความจำเป็นชัดเจนว่า ธปท.จะต้องทำนโยบายเข้มงวด แบบที่คนอื่นไม่ชอบ ก็ต้องใจแข็งที่จะทำ เพราะ ธปท.เป็นด่านสุดท้าย หากไม่เตือน ก็ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะตกเหวไปอยู่ที่ไหน
“ภาครัฐตอนนี้ ผมมองว่าได้ทำอะไรต่อเนื่องกันมา จนทำให้คนเชื่อว่า ประชานิยมเป็นเรื่องธรรมดา มีอะไรก็ใช้จ่ายไปเยอะแยะ เอาเข้าจริง ๆ ฐานะการคลังตอนนี้ก็ยังซ่อนสิ่งที่เป็นปัญหาระยะยาวไว้เยอะแยะมาก เมื่อไหร่การคลังไม่สามารถดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ ภาระก็จะตกมาที่นโยบายการเงิน” ดร.ชัยวัฒน์กล่าว
ขณะที่ “ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล” อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ ดำรงตำแหน่งช่วงปี 2544-2549 ก็เสริมว่า นโยบายการคลังขณะนี้ เหมือนไม่มีนโยบาย มีแต่ใช้เงินไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะขาดดุลไปสักเท่าไหร่ แล้วจะขาดดุลในน้ำหนักแค่ไหนถึงจะเพียงพอ
“เรื่องนี้อยู่ที่ผู้นำรัฐบาลมากกว่าที่จะคิดเรื่องนี้หรือไม่” คุณชายอุ๋ยกล่าว
อย่างไรก็ดี หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างกระทรวงการคลังก็พากันออกมาอธิบายเรื่องนี้หลังจากนั้น
โดย “คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ขุนคลัง บอกว่า ทุกวิกฤตต่างก็ต้องมีการใช้เงิน ทำให้จำเป็นต้องทำงบประมาณขาดดุล ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกับหนี้สาธารณะที่ต้องปรับเพดานขึ้นเหมือนในอดีต แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ก็ปรับเพดานลงมา
“เรื่องที่จำเป็นต้องทำ และในอดีตก็ไม่มีการทำ คือ การปรับโครงสร้างประเทศในด้านการจัดเก็บรายได้จากภาษี ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง มีแต่การทำนโยบายลดอัตราภาษี เช่น ภาษีนิติบุคคล ที่จำเป็นต้องปรับลดลงมา เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้” นายอาคมระบุ
ส่วน “คุณกฤษฎา จีนะวิจารณะ” ปลัดกระทรวงการคลัง ตอบกลับว่า ในช่วงวิกฤตนโยบายการเงิน ก็ควรมาช่วยนโยบายการคลังในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนนโยบายการเงินจะต้องทำอะไรเพิ่มอีกหรือไม่นั้น ไม่ขอพูด แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณเล็ก ๆ ไปถึง ธปท.
เห็นด้วยว่า นโยบายการเงินก็ต้องมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอาจจะมีอะไรทำได้อีก นอกเหนือไปจากการชะลอขึ้นดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ก็ต้องยอมรับด้วยว่า ประเทศไทยมีการขาดดุลงบประมาณมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจริง และเป็นปัญหาที่ต้องเร่งหาทางแก้ไข
คุยกับ “ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ก็บอกว่า สิ่งที่ต้องทำก็คือ การปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ โดยเก็บภาษีให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยเฉพาะจากคนที่ยังอยู่นอกระบบ หรือคนที่เสียภาษีไม่ถูกต้อง ซึ่งประเทศไทยยังมีแบบนี้อยู่อีกเยอะ
ขณะเดียวกันก็ต้องหาทางลดรายจ่ายต่าง ๆ ลงด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยาก เพราะโครงสร้างงบประมาณของไทยมีงบฯประจำอยู่ถึง 80% ในจำนวนนี้ งบฯด้านสวัสดิการต่าง ๆ ก็โตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย
ฟังดูแล้วเป็นเรื่องยาก จะทำได้ต้องอาศัยความกล้าหาญของรัฐบาล ซึ่งยังไม่รู้ว่าชุดไหนเหมือนกัน