ชาติศิริ ลั่นคงดอกเบี้ยต่ำอุ้มลูกค้า คาดสินเชื่อทั้งปียังโต 4-6%

ชาติศิริ โสภณพนิช
ชาติศิริ โสภณพนิช

“ชาติศิริ” ธนาคารกรุงเทพ มองเศรษฐกิจไทย-การท่องเที่ยวฟื้นตัว พร้อมสนับสนุนสินเชื่อลูกค้าเตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ คาดทั้งปีโต 4-6% กดเอ็นพีแอลไม่เกิน 4% เผยสำรองหนี้ ระมัดระวังทั้งปี 2.6 หมื่นล้านบาท มองเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบระบบการเงินโลก ยัน ธปท.-แบงก์คงดอกเบี้ยต่ำอุ้มลูกค้า

วันที่ 6 พฤษภาคม 2565 นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ หลังจากการเปิดประเทศคาดว่านักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อลูกค้าของธนาคาร โดยธนาคารยังคงสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าผ่านการให้สินเชื่อระยะยาว (Term Loan) เพื่อปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงธุรกิจรองรับการเติบโต รวมถึงกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่พยายามมีนโยบายสนับสนุน เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้ภายใต้ความผันผวน

ดังนั้นจากภาพรวมดังกล่าวธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมในปี 2565 อยู่ที่ระดับ 4-6% โดยสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และธุรกิจรายย่อยจะขยายตัวอยู่ที่ 4-6% และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เติบโตอยู่ที่ 1-3% สอดคล้องกับการประมาณการเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 3-4% ส่วนกรณีสินเชื่อการบินไทยนั้น ธนาคารก็พร้อมสนับสนุนและพร้อมพิจารณา

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รายได้ (เอ็นพีแอล) ภายใต้เศรษฐกิจฟื้นตัว ธนาคารยังประเมินว่ายังอยู่ในกรอบที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยคาดว่าเอ็นพีแอลทั้งปี 2565 จะคุมอยู่ไม่เกินระดับ 4% จากไตรมาสที่ 1/65 เอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ 3.3% ส่วนแนวทางการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ (JVAMC) นั้น มองว่าวิธีการบริหารจัดการหนี้เสียของธนาคารยังสามารถทำได้ดีอยู่ แต่ธนาคารก็ได้มีการพิจารณาช่องทางอื่นหรือออฟชั่นอื่นไว้อยู่บ้าง

ขณะที่การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารจะยังคงเป็นไปด้วยความระมัดระวัง แม้จะมีอัตราการกันสำรองที่ต่ำกว่าปีก่อนจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้การตั้งสำรองหนี้เสียของธนาคารในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้จะอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาส 1/65 ที่อยู่ 6.5 พันล้านบาท โดยทั้งปีจะมีการตั้งสำรองฯทั้งสิ้นที่ระดับ 2.6 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นระดับต่ำกว่าปีก่อนที่มีการตั้งสำรองฯอยู่ที่ระดับ 3.1-3.4 หมื่นล้านบาท

“เศรษฐกิจในปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวต่าง ๆ ดีขึ้นตามลำดับจากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นการกระจายการฉีดวัคซีน หรือการป้องกันการระบาดโควิด ซึ่งนำมาสู่การเปิดประเทศ เราก็พร้อมช่วยเหลือลูกค้าและผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นในด้านขององค์ความรู้ หรือการปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการเดินหน้าได้ต่อไปด้วยกัน”

สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ผ่านมาและคาดว่าจะมีการปรับขึ้นต่อเนื่องเพื่อให้ดอกเบี้ยกลับไปสู่ระดับปกติสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ถือเป็นปัจจัยการเปลี่ยนแปลงที่มีความสำคัญของระบบการเงิน แต่จะเห็นว่าเฟดได้มีการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้ตลาดรับทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนมากนัก ซึ่งในส่วนของเศรษฐกิจไทยจะเป็นอีกในลักษณะหนึ่ง

โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายต่ำถึงสิ้นปีนี้ และสามารถกำกับดูแลได้อย่างเหมาะสมอยู่แล้ว โดยยังคงดอกเบี้ยในระดับต่ำเพื่อช่วยประชาชน โดยธนาคารกรุงเทพเองก็ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ให้ระดับเดิม มองว่าเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อช่วยดูแลลูกค้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเกิดจากราคาสินค้าบางประเภทสูงขึ้นจากภาวะสงคราม คาดว่าปัญหาน่าจะคลี่คลายลงได้ในระยะถัดไปได้